สังคม

ประสานมหาดไทยช่วยตรวจสอบ หลังพบ 3 จุด เจอสารซีเซียม-137 ในโรงงาน แนะผู้สัมผัสโดยตรงรีบพบแพทย์ด่วน

โดย petchpawee_k

22 มี.ค. 2566

18 views

จนท. ปรมาณูฯ เผย พบ 3 จุด เจอสารซีเซียม-137 ในโรงงาน แต่ไม่ยืนยัน ใช่สารที่หายหรือไม่ ประสานมหาดไทยส่งกำลังช่วยตรวจสอบ พบก่อนจะมาหลอม ผ่านการบีบอัดปะปนกับวัตถุอื่น จากโรงงานแห่งหนึ่ง แนะคนที่ที่สัมผัสโดยตรงรีบไปพบแพทย์โดยด่วนอย่ากังวลเรื่องคดี พร้อมยืนยันเตาหลอมที่มีสารซีเซียม-137 ไม่มีปะปนไปอยู่ในเหล็ก ที่แปรรูปแล้วเนื่องจากความร้อนทำให้สารซีเซียมถูกกระจายแยกตัวออกจากเหล็ก

ยังคงเป็นประเด็นต่อเนื่องกรณีสารซีเซียม-137 ที่สูญหายจากโรงงานผลิตไฟฟ้าแห่งหนึ่งและถูกนำมาหลอมที่โรงหลอมในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีหลายประเด็นร้อนที่ต้องติดตาม สำหรับผลการตรวจหาสารซีเซียม ในโรงหลอมเหล็ก


วานนี้ นายกิตติ์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี สนง.ปรมาณูเพื่อสันติ เปิดเผยผลการปฏิบัติงาน ตลอดทั้งวันว่า จากการตรวจสอบโดยละเอียดทั้งหมดในโรงหลอมแห่งนี้ มีเตาหลอมทั้งหมดสามเตา

    1.พบสารซีเซียม หนึ่งเตาในปริมาณไม่มาก

    2.พบสารซีเซียมในระบบ ดูดฝุ่นและกรองฝุ่น

    3.มีฝุ่นจำนวนหนึ่งที่อยู่วัตถุกรองโลหะ จากการล้อมโลหะ เมื่อวันที่ 18 ถึง 19 มีนาคม 2566


ขั้นตอนจากนี้จะต้องรอให้สารซีเซียม-137 ที่อยู่ตามจุดต่างๆ ในจุดกรองฝุ่นเย็นตัวลงก่อน แล้วจะนำเก็บเข้าใส่ถุงบิ๊กแบ็ค จากนั้นจะนำไปเก็บที่ห้องเก็บสารปนเปื้อนกัมมันตรังสีฝุ่นแดง ทั้งหมด 24 ตัน  


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังมีการกระจาย กำลังตรวจวัดสารกัมมันตรังสีโดยรอบโรงงานตั้งแต่หน้าดิน ใต้ดิน แหล่งน้ำ และพื้นที่โดยรอบทั้งหมดก็ไม่พบว่ามีสารปะปนอยู่ พบเพียงสารกัมมันตรังสีที่อยู่ในปริมาณตามธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน


นอกจากนี้ยังมีรถโมบายและเจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์เครื่องมือตรวจวัดสารกัมมันตรังสีออกตรวจสอบตามหมู่บ้านชาวบ้านต่างๆ จำนวนสี่หมู่บ้าน ตรวจทั้งดินน้ำ และสภาพอากาศ โดยรอบของแต่ละหมู่บ้านก็ไม่พบสารกัมมันต์ตะรังสีหรือสารอื่นปะปนอยู่จึงทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในความปลอดภัย อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำวิธีการดูแลตนเองและการสังเกตอาการผิดปกติ


ส่วนการตรวจสุขภาพร่างกายของพนักงานในโรงงานจำนวน 70 คนในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ไม่พบว่ามีพนักงานรายใดมีอาการผิดปกติหรือได้รับผลกระทบจาก สารซีเซียม-137


ในส่วนของการนำวัตถุซีเซียม-137 เข้าสู่เตาหลอมที่โรงงานแห่งนี้นั้น เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ได้พยายามตรวจสอบเส้นทาง ตามหาตั้งแต่ร้านรับซื้อของเก่า จนมาถึงที่โรงงานแห่งนี้ ซึ่งสารสีเซียม-137 นี้ก่อนจะมาถึงที่โรงหลอมแห่งนี้มีการอัดบีบรวมกับวัตถุอื่นมาก่อน ปะปนมากับโลหะมือสอง


 แล้วโรงงานก็นำวัตถุเหล่านี้ไปหลอมโดยที่ไม่รู้เช่นกันว่ามีสารซีเซียมอยู่แต่ยังโชคดี ที่นำไปหลอมที่เตาเดียว จากนั้นก็เกิดเป็นฝุ่นเป็นเขม่า ลอยขึ้นไปซึ่งก็มีระบบตรวจดักฝุ่น ซึ่งสามารถดักฝุ่นซีเซียมได้ทั้งหมด


 ที่เชื่อว่าตรวจได้ทั้งหมด เพราะนำเครื่องมือตรวจวัดแล้ว พบแค่จุดนี้และไม่ได้ออกมาสู่ภายนอก “จึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสารตัวนี้อยู่แค่ที่เตาเผาเครื่องกรองฝุ่น ตัวกรองในโรงงานนี้เท่านั้น”


เมื่อขั้นตอนการ เผาหลอมตัวกรองเย็นก็จะนำ สู่ระบบไซโล แล้วก็บรรจุใส่ถุงบิ๊กแบ็ค นำไปเก็บในโรงเก็บที่จัดทำขึ้นโดยได้ประสานทางโรงงานให้จัดทำที่จัดเก็บที่ได้มาตรฐาน โดยเป็นห้องจัดเก็บและมีประตูเหล็กเลื่อนเปิด-ปิด มีป้ายเป็นพื้นที่หวงห้าม เขตอันตราย ที่ผ่านมาเห็นเป็นเพียงการปิดผ้าใบนั้นเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้นซึ่งหลังจากนี้คาดว่าภายในหนึ่งถึงสองวัน ทางโรงงานจะทำประตูเปิดปิด อย่างแน่นหนาและจัดเก็บ ในห้องที่มิดชิดจนกว่าจะถึงขั้นตอนการเคลื่อนย้ายไปทำลาย


และข้อทำความเข้าใจกับประชาชนที่ เกี่ยวกับการใช้ผ้าใบมาปิดกั้นบริเวณที่มีการจัดเก็บฝุ่นแดงซึ่งเป็นการปิดภายนอกรอบบริเวณเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นๆเข้าไปในเขตพื้นที่จัดเก็บ แต่บริเวณด้านในและการจัดเก็บฝุ่นแดงใช้อุปกรณ์ที่สามารถปกปิดสารปนเปื้อนได้ไม่ก่อเกิดการฟุ้งกระจาย


ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวานได้มีการนำเครื่องตรวจวัด ปริมาณรังสีโดยรอบพื้นที่จัดเก็บฝุ่นแดงในระยะห่าง 2 เมตร พบค่าปริมาณรังสีเท่ากับค่าธรรมชาติ จึงขอยืนยันว่าการจัดเก็บมีความปลอดภัย


ส่วนกรณีการกังวลว่า ช่วงเวลาที่ทำการเผานั้นอาจจะมีกลุ่มควันกระจายออกไปสู่ภายนอกเรื่องนี้นาย กิตติ์กวิน ยืนยันว่า ควันที่ออกมานั้นไม่มีผลกระทบหรือมีสารซีเซียม 137 ปะปนออกมาเนื่องจากมีการตรวจสอบด้วยรอบโรงงานและหมู่บ้านต่างๆโดยรอบก็ไม่พบ


 และนับจากนี้ จะต้องให้โรงงานแห่งนี้ หยุดทำงานชั่วคราวไปก่อน  จนกว่าการดำเนินการจะเสร็จสิ้น ซึ่งมีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สั่งการให้โรงงานนี้หยุดดำเนินการชั่วคราวเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดและหามาตรการวิธีการและแผนจัดการที่ชัดเจน

ส่วนการตรวจสอบว่าสารซีเซียม 137 ที่พบนี้จะเป็นตัวเดียวกันกับที่สูญหายจากโรงงานผลิตไฟฟ้าหรือไม่นั้น นายกิตติ์กวิน ระบุ ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นตัวเดียวกันหรือไม่เนื่องจากเป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวนหาข้อมูลแต่ในส่วนของเจ้าของโรงงานหลอมแห่งนี้ก็ได้นำข้อมูลการรับซื้อขายกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะตรวจสอบเช่นกัน แต่ในการติดตามและสืบค้นว่าเป็นแท่งซีเซียม-137 เป็นอันเดียวกับที่หายไปเป็นหน้าที่ของตำรวจ


แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริษัทที่รับซื้อแท่งนี้และนำมาอัดรวมกับวัตถุอื่นๆก่อนจะถูกนำส่งมาที่โรงหลอมนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีและขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพอจะได้ข้อมูลแล้ว


ขณะเดียวกันนายกิตติ์กวิน ยังระบุว่า หากวัตถุซีเซียม-137 นี้เป็นชนิดเดียวกันกับที่สูญหายจากโรงไฟฟ้านั้นขอเตือนไปยังบุคคลที่มีการสัมผัสกับวัตถุชิ้นนี้ตั้งแต่การนำออกจากโรงงานการนำไปขายยังร้านรับซื้อของเก่าจนมาถึงโรงงานนั้นผู้ที่สัมผัส โดยตรงอาจจะได้รับอันตรายตอนนี้อาจจะเริ่มมีอาการพุพองที่มือหรือตามลำตัว  จึงขอให้คนที่สัมผัสนั้นออกป๋าพบแพทย์โดยไม่ต้องกังวลเรื่องด้านกฎหมายเพราะเป็นอันตราย เสี่ยงต่อชีวิตมากกว่าการถูกดำเนินคดี


ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าในเมื่อ พบการหลอมวัตถุที่มีสารซีเซียม-137 ปะปนมานั้นนั่นแสดงว่าอาจจะมีการแปรรูปขึ้นเป็นเหล็กตามที่โรงงานผลิตหรือไม่ เรื่องนี้นายกิตติ์กวิน ระบุว่า เป็นไปไม่ได้แน่นอนโดยกระบวนการขั้นตอนของเตาหลอมนั้นวัตถุที่เป็นเหล็กและสารซีเซียม-137 เมื่อนำลงไปในเตาหลอมจะใช้ความร้อน 1,000 องศาเซลเซียส จากนั้นสารซีเซียม-137 นี้จะถูกความร้อนเผาประมาณ 600 องศาเซลเซียสก็จะดีดกระจายแยกออกจากเหล็ก


ทำให้พบว่าสารซีเซียมตัวนี้กลายเป็นฝุ่นกระจายติดอยู่บริเวณตัวกรองแต่ในเตาหลอมนั้นยังมีเหล็กซึ่งไม่ได้ปะปนสารซีเซี่ยมเพราะว่าใช้ความร้อนแตกต่างกัน


ดังนั้นขอยืนยันว่า การแปรรูปจากเตาหลอมของบริษัทนี้แปรรูปไปเป็นเหล็กชนิดอื่นจะไม่มีสารซีเซียมปะปนอย่างแน่นอน ขอให้กลุ่มบริษัทก่อสร้างหรือผู้ผลิตออกแบบต่างๆ ที่ต้องใช้เหล็กไม่ต้องเป็นกังวล


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/kopf1FhtaV0


คุณอาจสนใจ

Related News