สังคม
นาทีบึ้มสนั่น ‘เรือบรรทุกน้ำมัน’ ปากน้ำแม่กลอง ดับ 2 สูญหาย 5 - ชาวบ้านเผยเหล็กปลิวเฉียดหัวหวิดดับ
โดย nattachat_c
18 ม.ค. 2566
429 views
เรือบรรทุกน้ำมันสมูธซี 22 บึ้มขณะจอดซ่อม เสียงระเบิดดังสนั่นปากน้ำแม่กลอง เสียชีวิต 2 ราย พี่สาวคนตายสุดเศร้า เคยบอกให้น้องย้ายงาน เพราะงานเสี่ยง ได้ค่าจ้างแค่วันละ 600 บาท แต่เจ้าตัวไม่มีเงินพอต่อใบอนุญาต เลยต้องทำต่อ ก่อนมาจบชีวิต
คนงานเล่านาทีรอดชีวิต ได้ยินเสียงตู้ม หันไปเห็นไฟลุกเลยโดดลงน้ำ โดนเหล็กทิ่มหัวเข่าขวาบาดเจ็บ แต่พยายามว่ายขึ้นฝั่ง รับทำงานบนเรือมา 4 ปีไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้
บ้านเรือนใกล้จุดเกิดเหตุเสียหาย 30 หลัง พังยับ 5 หลัง ฝ้าเพดานหลุดทั้งแผง หลังคาเปิด ประตูโดนแรงอัดผิดรูป เจ้าของบ้านเล่านาทีระเบิด มีลมกระแทกหน้าจนแทบล้ม บ้านสั่นสะเทือนจนเสาร้าว ต้องอพยพทันที
วานนี้ (17 ม.ค. 66) เวลาประมาณ 09.15 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ และเกิดการระเบิดบนเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ชื่อ 'สมูทซี 22' (SMOOTH SEA 22) ที่จอดซ่อมบำรุงอยู่ภายในอู่ต่อเรือ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ในเขตพื้นที่ อบต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม ใกล้กับวัดปากสมุทร
โดยกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ คนงานกำลังปฎิบัติงานบริเวณลานอู่ซ่อมเรือและบนเรือ ซึ่งจะเห็นว่า บนเรือมีคนงานกำลังพากันวิ่งหนี ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดบึ้มสนั่น ทำให้คนงานที่อยู่บริเวณอู่ซ่อมเรือ และบางส่วนที่อยู่บนเรือลำเกิดเหตุ ต่างพากันหนีเอาตัวรอด
คลิปวงจรปิดอีกมุม จะเห็นว่ามีการระเบิดขึ้นอย่างน้อย 4 ครั้ง และเกิดระเบิดขึ้นเป็นระยะๆ ควันดำพวยพุ่ง แรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ทำให้ผู้ที่พักอาศัยใกล้เคียงตื่นตกใจ แรงอัดของระเบิดยังทำให้สำนักงาน และโกดังของบริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด โดนเศษชิ้นส่วนของเรือกระเด็นใส่พังเสียหาย
เหตุนี้ส่งผลให้คนงานบนเรือ...
บาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน (นำส่งโรงพยาบาลรักษาตัว)
- นายสมพงษ์ ใจวิถี อาสยุ 35 ปี (ชาวไทย)
- นายวินเท (ชาวเมียนมา)
- นายอ่าว (ชาวเมียนมา)
- นายยาซา(ชาวมอญ)
เสียชีวิต 2 ราย....
- ชาวเมียนมา ร่างกระเด็นลอยอยู่กลางแม่น้ำแม่กลอง 1 ราย
- ชาวเมียนมา อยู่ใต้ท้องเรือตรงบนเรือสภาพไหม้เกรียม 1 ราย ต้องใช้เชือกโรยตัวลงไป แล้วใช้เชือกผูกร่างดึงขึ้นไป (เรือลึก 20 เมตร)
มีคนงานสูญหาย 6 คน...
- ชาวไทย 1 คน
- ชาวเมียนมา 4 คน
เวลาประมาณ 23.00 น. กู้ภัยจากหลายหน่วยงานยังคงสลับกันลงน้ำเพื่อค้นหาผู้เสียหาย แต่เนื่องจากความมืด น้ำไหลเชี่ยงแรงและเย็น จึงมีการวางผนว่าจะหาจนถึงเวลา 01.00 น. และจะทำการยุติการค้นหา แล้วทำการต่อในวุนรุ่งขึ้น
-------------
การระเบิดของเรือบรรทุกน้ำมัน ส่งผลให้บ้านและอาคารใกล้เคียง กระจก หน้าต่าง และประตูบ้านพังเสียหาย ชิ้นส่วนเศษเหล็กตกใส่หลังคาบ้านเรือน ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงในรัศมี 7 กิโลเมตร รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน เสียงระเบิดดังไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร
ทั้งนี้ มีการระเบิดติดต่อกันเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปเคลียร์พื้นที่บนเรือได้ และทางเจ้าหน้าที่ได้ถอยจากพื้นที่โดยรอบเรือ เนื่องจากสถานการณ์ไม่แน่นอน เกรงว่าจะเกิดการระเบิดซ้ำ แถมโครงสร้างเรือเริ่มผิดรูป
มีการประสานขอรับรถดับโฟมจาก อบต.บางแก้ว ทม.เขาย้อย, บริษัทเชลล์ จำกัด, บริษัทน้ำมันพีที จำกัด, บริษัทก๊าซ ศูนย์เฉพาะกิจบรรเทาภัย กทม. นำน้ำยาเคมีโฟม 200 ลิตร มาทำการดับเพลิง เนื่องจากไฟยังลุกต่อเนื่อง
นายสุริยา กิตติมณฑล ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง สถานีดับเพลิงเมืองสมุทรสงคราม และหน่วยกู้ภัย ลงพื้นที่เร่งควบคุมเพลิงระดมฉีดน้ำไม่ให้เพลิงเกิดปะทุและลุกลาม เนื่องจากภายในเรือมีเชื้อเพลิงเป็นน้ำมันจำนวนมาก ต้องใช้โฟมในการควบคุมเพลิง
-------------
ด้านนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) เปิดเผยว่า ขณะนี้ถือว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วระดับหนึ่ง คาดว่าจะไม่มีการระเบิดซ้ำ โดยเรือลำเกิดเหตุ ไม่ได้เข้ามาขนส่งสินค้า แต่เป็นการเข้ามาซ่อมบำรุง เป็นเรือเปล่า ไม่มีน้ำมัน หรือสินค้า ยืนยันว่า ไม่มีน้ำมันดิบอย่างที่มีกระแสข่าว
ด้าน ปภ.สมุทรสงคราม เผยว่า น้ำหนักเรือ 2,996 ตันครอส แจ้งเข้าซ่อมอู่ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ในเรือมีน้ำมันเตาและดีเซล จำนวน 20,000 ลิตร มีลูกเรือ 16 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ พบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย (ชาวเมียนมา)
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการดับเพลิงบนเรือ ยังคงมีควันลุกไหม้บนเรืออย่างต่อเนื่อง มีการระเบิดปะทุบนเรือล่าสุดครั้งที่ 5 เมื่อเวลา 11.05 น. ต่อมาสถานีดับเพลิงเมืองสมุทรสงคราม รายงานว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้ ควันเริ่มบางลง
เวลา 16.00 น.เจ้าหน้าที่ อบต.แหลมใหญ่ ประกาศแจ้งชาวบ้านว่า สถานการณ์จากเหตุดังกล่าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สามารถควบคุมเพลิงและระงับเหตุความเสียหายได้แล้ว ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านของตัวเองได้ และจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยให้
เวลา 17.40 น. นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ลงพื้นที่พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า สามารถควบคุมเพลิงได้เวลา 15.30 น. ส่วน บริษัท รวมมิตรด็อกยาร์ด จำกัด ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานกลึงและเชื่อมโลหะ ข้อมูลเบื้องตันน้ำหนักเรือ 2,996 ตันกรอสส์ แจ้งเข้าอู่เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ในเรือมีน้ำมันเตาและดีเซลคงค้าง มีลูกเรือ 17 คน (ไม่ได้รับบาดเจ็บ)
นอกจากนี้ได้ออกหนังสือคำสั่งระงับใช้เรือสมูทซี 22/ออกหนังสือคำสั่งห้ามใช้ท่า อู่เรือ รวมมิตรด็อคยาร์ท /ออกหนังสือเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าให้ข้อเท็จจริง ณ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรสงคราม วันที่ 18 มกราคม 2566 เวลา 14.00 น./ออกหนังสือเชิญผู้เชี่ยวชาญบริษัท พีทีจี สมุทรสงคราม, คลังน้ำมันเชลล์สมุทรสงคราม,พีเอสพีสเปเชียลตี (มหาชน) ร่วมตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริง
โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังเรื่องน้ำมันรั่วไหล ที่หลายฝ่ายเป็นกังวล แต่ขณะนี้ ยังไม่พบการรายงานเรื่องการรั่วไหลของน้ำมัน
ส่วนกรณี ที่มีการตั้งคำถามว่า เกิดเหตุไฟไหม้ก่อนระเบิด หรือ ระเบิดแล้วจึงเกิดเหตุเพลิงไหม้ จากการได้รับรายงาน คาดว่าน่าจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ก่อน แล้วจึงเกิดเหตุระเบิดตามมา แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอการพิสูจน์หลักฐานก่อน
วันนี้ (18 ม.ค. 66) ทางจังหวัดและส่วนที่เกี่ยวข้อง จะเร่งสำรวจความเสียหายบ้านเรือนของของประชาชน เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ความเสียหายเบื้องต้นพบจำนวนบ้านเรือนในพื้นที่ต่างๆ เสียหาย ดังนี้
- บ้านเรือนในพื้นที่ ต.แหลมใหญ่ จำนวน 60 หลังคาเรือน
- บ้านเรือนในพื้นที่ ต.บางจะเกร็ง จำนวน 11 หลังคาเรือน
-------------
ทีมข่าวได้พูดคุยกับคนงานชาวเมียนมา ที่อยู่บนเรือลำเกิดเหตุ และรอดชีวิต เล่าว่า
ตนทำงานอยู่ตรงท้ายเรือ ส่วนจุดที่เกิดระเบิดอยู่ตรงกลางเรือ ตอนระเบิดครั้งที่ 1 ตกใจมาก จากนั้น ระเบิดครั้งที่ 2 เรือสั่นสะเทือนแรงมาก จนตัวของตนเองลอยขึ้นตกมากระแทกพื้นเรือบาดเจ็บ คนงานบนเรือวิ่งหนีกระโดดลงน้ำ ส่วนตนห้อยเชือกลงจากเรือว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วก็เกิดระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง
นายโย อายุ 40 ปี คนงานชาวเมียนมา ที่อยู่บนเรือลำเกิดเหตุอีกราย เล่าว่า
ตอนเกิดเหตุ ตนกำลังทำงานเชื่อมเหล็กอยู่ที่บริเวณหัวเรือ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงตู้มดังขึ้น 1 ครั้ง พอหันไปมอง ก็เห็นไฟลุกอยู่ที่บริเวณกลางเรือ แล้วมีเสียงระเบิดดังครั้งที่ 2 ตนรีบกระโดดหนีลงน้ำ จนไปโดนเหล็กทิ่มที่หัวเข่าด้านขวาได้รับบาดเจ็บ แต่ก็พยายามว่ายขึ้นฝั่งมา
ตอนนั้น ตรงบริเวณกลางเรือที่เป็นจุดระเบิด มีคนงานประมาณ 7-8 คน กำลังทาสี และใช้แก๊ซตัดเหล็กอยู่ ส่วนสาเหตุตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน จนตอนนี้ก็ยังใจหายอยู่ เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก ตนทำงานมา 4 ปีแล้ว ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เพื่อนคนงานที่หายไปก็ยังเจอไม่ครบ
-------------
ส่วาบรรยากาศที่บริเวณศูนย์อำนวยการ ที่ตั้งอยู่บริเวณวัดปากสมุทร ตำบลแหลมใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ได้มีญาติของผู้ที่ยังสูญหายมารอฟังข่าว ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สูญหายเป็นชาวเมียนมา
ทีมข่าวได้คุยกับหนึ่งในญาติของผู้สูญหาย บอกว่า ส่วนใหญ่คนงานจะอาศัยอยู่ด้วยกันใกล้กับอู่เรือ ทำงานกันมานานประมาณ 4-5 ปี แล้ว ซึ่งเมื่อเช้าวันเกิด กลุ่มของสามีตน 3 คน ก็ตื่นมากินข้าวกินกาแฟด้วยกันตอน 7 โมงเช้า พอ 8 โมงก็เดินเข้าไปทำงานตามปกติ ไม่นานก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น
พวกตนที่อยู่ที่บ้านก็ได้ยินเสียง บ้านกระจกแตกหมด พอเดินไปเห็นว่าเรือลำที่สามีทำงานระเบิด ก็ตกใจและช็อคจนแทบจะเป็นลม ตอนนี้ก็ยังหวังว่าสามีจะรอดกลับมา แต่ไปตามหาที่โรงพยาบาลแล้วก็ไม่เจอ จึงต้องมานั่งรอที่นี่ ก็ทำใจไว้แล้ว แม้ว่าจะเจอเป็นศพ แต่ก็ขอให้ได้เจอ
ทั้งนี้ กลุ่มของสามีตน 3 คน ที่ยังสูญหาย ทั้งหมดทำงานอยู่จุดเดียวกันคือบริเวณถังน้ำมันด้านล่างท้องเรือ ซึ่งอยู่ลึกลงไปมาก ความสูงประมาณตึก 3-4 ชั้น หน้าที่คือตักน้ำมันออก และล้างทำความสะอาดถังน้ำมัน
ซึ่งสามีก็เคยพูดอยู่ตลอดว่า ทำงานตรงนี้อันตราย เพราะต้องลงไปในถังน้ำมัน และที่เขากลัวที่สุดคือกลัวแก๊ซระเบิด ก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนตัวเชื่อว่ากลุ่มของสามีน่าจะยังติดอยู่ในเรือเพราะอยู่ลึกมาก คงหนีออกมาไม่ทัน
-------------
ด้าน นางสาวเอ อายุ 36 ปี พี่สาวของนายทุย อายุ 36 ปี ผู้เสียชีวิต เผยว่า
ตนเองอาศัยอยู่คนละที่กับน้องชาย ทราบข่าวเมื่อช่วงประมาณ 11 โมง เพราะมีคนโทรไปบอก ก็ตกใจ รีบมาที่จุดเกิดเหตุ โดยน้องชายตนมาทำงานที่อู่เรือนี้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว ทำหน้าที่อยู่ในตำแหน่งบริเวณถังน้ำมันที่อยู่ลึกลงไปใต้ท้องเรือ
ที่ผ่านมา ตนก็พยายามจะบอกให้ไปทำอย่างอื่น เพราะรู้ว่าทำงานตรงนี้มีความเสี่ยงอันตราย จนเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา น้องชายจะเลิกทำแล้ว แต่ว่าไม่มีเงินพอที่จะต่อใบอนุญาตทำงาน ซึ่งนายจ้างไม่จ่ายให้ น้องชายจึงต้องทำงานต่อ เพราะทำงานตรงนี้ก็รายได้ดีกว่าที่อื่น ได้วันละ 600 บาท แม้จะต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงก็ตาม ตอนนี้น้องชายตนเสียชีวิตไปแล้ว นายจ้างควรรู้ว่าต้องช่วยอย่างไร ไม่จำเป็นต้องบอก
-------------
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังชุมชน ที่อยู่จากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร โดยหนึ่งในบ้านที่ได้รับความเสียหาย คือ บ้านของนายแสง แท่นทอง อายุ 62 ปี โดยนายแสงได้พาทีมข่าวไปดูจุดที่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด
ที่หนักที่สุดคือในห้องนอน ซึ่งฝ้าเพดานหลุดลงมาอยู่บนฟูกที่นอนทั้งแผง จนหลังคาเปิดออก รวมถึงหลอดไฟก็ตกลงมาด้วย ส่วนประตูบ้านก็ไม่สามารถเปิดได้ เพราะโดนแรงอัดจนประตูผิดรูป ต้องไปปีนเข้าออกทางด้านหลังบ้านแทน
นายแสง เล่าว่า ช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุตนตื่นขึ้นมาประมาณ 8 โมงกว่า แล้วก็ลุกขึ้นไปนั่งกินข้าว ดูทีวีที่ห้องครัว สักพักก็ได้ยินเสียงระเบิดดังตู้มครั้งแรก ตามมาด้วยเสียงระเบิดตู้มครั้งที่ 2 ซึ่งมีลมเข้ามากระแทกหน้าตนแรงมาก จนแทบล้มลง บ้านสั่นสะเทือนจนเสาร้าว ซึ่งตอนแรกตนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งนี้ ตนอาศัยอยู่ตรงจุดนี้มา 60 กว่าปี ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ถือว่าร้ายแรงมาก ส่วนการช่วยเหลือตอนนี้ทาง อบต. แจ้งว่าให้ไปติดต่อขอรับการเยียวยา แต่ตนก็คงต้องขาดรายได้ด้วยเพราะต้องมาซ่อมบ้าน และระหว่างนี้ก็ต้องไปอาศัยที่อื่นก่อน
พอตนเองลุกออกไปดู ก็เห็นไฟลุกอยู่ที่เรือลำที่จอดอยู่ ก็ตกใจมาก ซึ่งพอกลับเข้ามาดูในบ้านก็พบว่าบ้านตนได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะ ทั้งหลอดไฟ ฝ้าเพดานตกลงมา ประตูบ้านก็พังเปิดไม่ได้ ตอนนี้ตนก็รู้สึกใจหาย คิดว่าถ้าตนตื่นสายกว่านี้ คงได้รับบาดเจ็บ เพราะฝ้าทั้งแผงตกลงมาบนฟูกที่นอนเต็มๆ
หลังจากนี้ อยากให้มีการพิจารณาเรื่องการตั้งอู่เรือในพื้นที่ใกล้กับชุมชน เพราะที่ผ่านมาก็มีผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมมาตลอด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เห็นว่ามีผลกระทบที่รุนแรงมาก อยากให้ไปตั้งอู่เรือไกลกับชุมชนหน่อย
----------
บ้านของนายประสิทธิ์ เสริมทอง พบว่า
เศษชิ้นส่วนเหล็กของเรือที่ระเบิด กระเด็นตกใส่หลังคาบ้านทะลุฝ้าห้องนอนได้รับความเสียหาย เจ้าตัวเล่าว่า ขณะนั้นตนกำลังนอนเล่นอยู่บนที่นอน ได้ยินเสียงบึ้มครั้งแรก ตกใจจึงลุกขึ้นนั่ง บึ้มครั้งที่ 2 แรงจนบ้านสั่นสะเทือน แล้วก็มีเศษเหล็กค่อนข้างหนักตกใส่หลังคา ทะลุฝ้าเพดานตกลงมาบนที่นอน หวิดโดนศีรษะเฉียดไปนิดเดียว โชคดีมาก
----------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/hxZQQskZjSY