สังคม

ผู้การเรือหลวงสุโขทัย เผย 14 ปีไม่เคยเจอคลื่นแบบนี้มาก่อน - ผบ.กองเรือยุทธการ ชี้เหตุ ‘ทะเลคลั่ง’ ทำเรือล่ม

โดย petchpawee_k

21 ธ.ค. 2565

198 views

เปิดใจ ผู้การเรือหลวงสุโขทัย สั่งสละเรือ เผย 14 ปีไม่เคยเจอมาก่อน ด้าน "ผบ.กองเรือยุทธการ" ชี้ ทะเลคลั่ง สาเหตุหลักทำเรือหลวงสุโขทัยล่ม ย้ำยิ่งอากาศเปรปรวน ทหารเรือต้องออกลาดตระเวณ ช่วยผู้ประสบภัย ยัน เสื้อชูชีพ -ห่วงยาง มีครบ แต่เหตุฉุกละหุก ไม่เป็นตามแผน  

เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผู้การเรือหลวงสุโขทัย เปิดเผยกับทีมข่าว เล่าถึงเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยเจอคลื่นสูง 5-6 เมตร เป็นคลื่นที่ไม่เคยเจอมาก่อนตลอด 14 ปี ในการเดินเรือมาในพื้นที่อ่าวไทย แรงจนสังเกตเห็นได้จากหลายอย่างที่เกิดขึ้น เช่นเสาเหล็กที่อยู่บริเวณหัวเรือ ที่ไว้ผูกผ้าไหว้แม่ย่านางวันนั้นโค้งลงมา รวมถึงอุปกรณ์อย่างอื่นหลายอย่างที่ไม่คิดว่าจะหลุดไปได้ รวมถึงลักษณะของน้ำ ฟองคลื่น ที่ไม่ปกติอย่างที่เคยเจอมา


ภารกิจก่อนเกิดเหตุ ตอนนั้นออกเรือมาจากสัตหีบของวันที่ 17 ธันวาคม เพื่อจะไปร่วมงานที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร ตอนนั้นมีการตรวจเช็คพยากรณ์อากาศ และพบว่ามีคลื่นลมแรง แต่สามารถออกเรือได้ แล่นตามลมมา


พอตี 2 ของวันที่ 18 ธันวาคม ลมพัดเริ่มแรง มาจากทางท้ายเรือ ทำให้เรือโคลงเคลงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงเช้า รือมาถึงภาคใต้ประมาณตี 5 ก็เห็นคลื่นที่ตามท้ายมาค่อนข้างสูง จนมองเห็นปรอยคลื่นขาวๆ ลักษณะเป็นคลื่นหัวแตก ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงคลื่นที่รุนแรง จึงบังคับเรือให้เข้าร่องคลื่น     

ผู้การเรือหลวงสุโขทัย เผยว่าจากประสบการณ์ที่ขับผ่านบริเวณนี้ ช่วงฤดูกาลนี้ ประเมินว่าคงทิ้งสมอเรือไม่ได้ จึงคุยกับผู้บังคับบัญชา และตัดสินใจว่า จะเดินทางขึ้นเหนือ ไปที่บางสะพาน และทำให้ตัดสินใจให้เรือวิ่งทวนคลื่นไป ตอนนั้นอยู่บริเวณสะพานของเรือ คอยประเมินสถานการณ์ และสั่งการ ทำหน้าที่ประกาศต่างๆ รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจให้กำลังพล

จนเริ่มมองว่า สถานการณ์เริ่มแย่ จึงประกาศแจ้งกำลังพลถึงวิธีการเอาชีวิตรอด จะทำยังไงไม่ให้จม บอกให้ถอดเสื้อผ้า ทิ้งของมีค่าไว้ และให้จับคู่บัดดี้กันควบคู่กับการบอกให้กำลังพลทุกนายมีกำลังใจ ดึงสติเอาไว้ และย้ำว่าคนที่ไหว ต้องช่วยคนที่ไม่ไหว


วินาทีที่อยู่บนเรือหลวงสุโขทัย พยามแก้ไขปัญหาตามลำดับ ทุกขั้นตอน แต่สุดท้ายเรือเอียง และกำลังจมลงสู่ทะเล มีกำลังพลบางส่วนสละเรือ บางคนที่มีเสื้อชูชีพ ส่วนหนึ่งก็จะถอดออก เพื่อให้คนอื่นได้เกาะ ได้มาคล้องกัน โดยจะมีรูตรงกลางคล้ายๆ ห่วงชูชีพ มันจะแน่นกว่า และพยายามว่ายกันขึ้นเรือหลวงกระบุรี


ขณะนั้น ผู้การเรือหลวงสุโขทัย อยู่บนสะพานเรือ ด้านบนสุด เมื่อเห็นกำลังพลสละเรือกันหมดแล้ว จึงสละเรือเป็นคนสุดท้าย ซึ่งเป็นจังหวะที่ตกลงมาพร้อมกับคนอื่นที่อยู่บริเวณเดียวกันลงสู่ทะเล


ก่อนที่จะพยามขึ้นไปบนเรือ นั่งอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงๆ ระหว่างนั้น ก็พยามหาพลุ หาอาหารที่อยู่ในแพยาง ก่อน จึงยิงพลุสัญญาณ และจึงมีเรือประจวบ 5 ที่เป็นเรือสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือ เห็นสัญญาณจึงเข้ามาช่วย


สำหรับ ประเด็นเรื่องชูชีพในรายละเอียดก็เป็นตามข่าวที่มีการสัมภาษณ์ออกไปว่ามีชูชีพไม่ครบทุกคน และยังมั่นใจว่าอีก 30 คนที่เหลือต้องรอด

ด้าน พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ชี้แจงว่า เรือหลวงสุโขทัย สามารถรับน้ำหนักจำนวนกำลังพลกว่า 106 ได้แน่นอน และ ปริมาณคนไม่มีผลอะไรเลยที่จะทำให้เรือล่ม เพราะบนเรือมีปืนใหญ่หนักเป็นตันอยู่ด้วย ดังนั้น จึงไม่มีผลอะไรเลย หากจะมีคนมาเพิ่มบนเรือหลวงสุโขทัย อีก 50 คน


พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เรืออับปางและจมใต้ทะเล มาจากสภาพอากาศแปรปรวน เพราะอยู่มา 10 ปี ยังไม่เคยเจอทะเลคลั่งเหมือนคืนที่เกิดเหตุ น่ากลัวมาก อย่างที่เราเห็นกันในคลิป หัวเรือจมลงไปจนทำให้ท้ายเรือยกขึ้นสูงแบบเดียวกับภาพยนต์ ไททานิค


"นี่คือสิ่งที่ทหารเรือต้องเจอในห้วงออกไปลาดตระเวณ ต้องต่อสู้กับสภาพอากาศก่อนจะนำเรือกลับเข้าฝั่งได้ ถือเป็นเรื่องปกติที่ทหารเรือต้องพบเจอกับความแปรปรวนของอากาศ ซึ่งบางคนก็บอกว่าก็พยากรณ์อากาศได้ แล้วทำไมถึงยังออกเรือ ก็ต้องตอบตรงๆ ว่า เรามีเรือรบต้องออกไปช่วยชาวประมง ที่ประสบอุบัติเหตุ เรือล่ม มีคนลอยคอในทะเล ซึ่งเป็นภารกิจของกองทัพเรือที่ต้องออกไป ยิ่งสภาพแปรป่วน ยิ่งต้องออกไปลาดตระเวณ เป็นภารกิจ ต้องช่วยผู้ประสบภัยทันท่วงที และเราก็เจอเสียเอง"


พล.ร.อะดุง ยังกล่าวต่อว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจะเห็นว่าสภาพอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว มีการเปลี่ยนทางสภาพอากาศ ทำให้ลมตะวันออกเฉียงเหนือเปลี่ยนเกือบถึงขั้นมรสุม มีลมแรงลงที่อ่าวไทย ในคืนวันเดียวกันนั้น ยังมีเรือสินค้าขนาดใหญ่ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้น จ.สงขลา เกิดกรณีเดียวกับเรือหลวงสุโขทัย


เมื่อถามว่า เสื้อชูชีพ ไม่เพียงพอต่อจำนวนคนบนเรือ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า ยืนยันว่า มีครบ เสื้อชูชีพมี 2 แบบ คือ แบบเสื้อ และ แบบห่วงยาง ซึ่งเป็นอุปกรณ์เซฟการ์ด แต่เมื่อเรือเผชิญกับคลื่นลมแรง อาจมีการกระแทกในจังหวะที่เรือหลวงสุโขทัย ดิ่งตัวสูงตามแรงคลื่น ลงตกลงมากระแทกผิวน้ำอีกที อาจทำให้เสื้อชูชีพ หรือ ห่วงยาง หลุดได้ มันเป็นสถานการณ์ ที่ฉุกละหุก จากที่เคยเตรียมการกันไว้ ว่าแต่ละคนมีหน้าที่อะไร หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็จะไม่เป็นไปตามแผนที่ซ้อมกันไว้


ส่วนความคืบหน้าการค้นหากำลังพลที่สูญหาย ตั้งแต่ช่วงเช้ากองทัพเรือระดมสรรพกำลังทั้งคน ยุทโปกรณ์ เรือ เฮลิคอปเตอร์ และ ในส่วนที่ กองทัพอากาศสนับสนุน มีทั้ง เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงนเรศวร เรือกลวงกระบุรี เรือภูมิพล ถือเป็นเรือใหญ่ที่มีศักยภาพมหาศาล รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ค้นหา 2 ลำ และเครื่องบินค้นหาอีก 2 ลำ ส่วน กองทัพอากาศ ส่ง เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินมาช่วยอย่างละ 1 ลำ บินลาดตระเวณ และใช้กำลังพล ปูพรหมเดินเท้าค้นหาตามหายหาด ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ถึง 18.00 น. ก่อนพระอาทิตย์ตก


ขอบารมีเสด็จเตี่ย คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้เจอกำลังพลทุกนายด้วยความปลอดภัย ซึ่งพ่อแม้ของกำลังพลผู้สูญหาย รอด้วยความหวัง


พล.ร.อ.อะดุง ยังเปิดเผยว่า ตั้งแต่เหตุได้พูดคุยกับพลเรือเอกพลวัฒน์ สิโรดม อดีตรองปลัดกลาโหม และ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ หลังลูกชาย นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม ตำแหน่ง ต้นเรือ สูญหายเช่นเดียวกันว่า ท่านเป็นห่วงลูกชายมาก และ ท่านไม่แทรกแซงการปฏิบัติงาน เพราะท่านรู้เรามีงานมาก ท่านยังบอกให้ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งยืนยันเราทำเต็มที่เพื่อค้นหากำลังพลทั้ง 30 คน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม เพราะ ทุกคนคือลูกเสด็จเตี่ยเหมือนกัน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/j8xJrigIZXM

คุณอาจสนใจ

Related News