สังคม

เปิดใจวินจยย.แบกเงินออมซื้อทอง เซอร์ไพรส์เมียครองรักกัน 39 ปี

โดย taweelap_b

22 ต.ค. 2565

321 views

กรณีโลกโซเชียลมีเดียแชร์เรื่องราวจากติ๊กต็อก @podjanee_990 โพสต์คลิปวิดีโอวินจักรยานยนต์รายหนึ่ง แบกถุงใบใหญ่สีขาวที่ภายในบรรจุเงินเหรียญ เดินเข้าร้านทองในจ.นครปฐม เพื่อซื้อสร้อยข้อมือหนัก 5 บาท แหวนทอง 1 วง น้ำหนัก 1 บาท พร้อมระบุข้อความว่า “ไม่เท่าไหร่หรอก แค่ต้องแบกให้พนักงานนับเท่านั้นเอง #เกือบ 2 แสน ร้องกันทั้งร้าน”


ล่าสุดวันที่ 22 ต.ค.65 ทีมข่าวติดต่อไปยังเจ้าของโพสต์ ทราบชื่อน.ส.พจนีย์ แก้วนพเจริญ อายุ 35 ปี ลูกสะใภ้ ผู้ถ่ายคลิปดังกล่าว พร้อมกับเดินทางไปที่บ้าน อ.บางแพ จ.ราชบุรี และยังพบกับนายประจิม คงแตง อายุ 59 ปี วินจักรยานยนต์ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เป็นการเข้าไปซื้อทองเพื่อที่จะทำเซอร์ไพรส์นางขจัด คงแตง อายุ 58 ปี ภรรยา ที่อยู่ครองรักกันมากว่า 39 ปี ด้วยการอดออมเก็บเงินที่ได้จากการรับจ้างขี่วินรับส่งผู้โดยสารมาตลอด 5 ปี


นายประจิม กล่าวว่า ตนทำอาชีพขับวินรับจ้าง มากว่า 20 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ทำหลากหลายอาชีพ รับจ้างทุกรูปแบบเพื่อแรกกับเงิน อีกทั้งยังมีความยากลำบาก จากนั้นมาพบรักกับนางขจัด และตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งก็ได้ประกอบอาชีพรับจ้าง ส่วนเวลาว่างก็มาช่วยพี่ชายขี่วินส่งผู้โดยสาร ในสมัยนั้นได้เที่ยวละ 5 – 10 บาท วันหนึ่งได้ประมาณ 300 – 400 บาท จนมีลูกค้าประจำเพราะตนบริการดี จึงหันมารับจ้างวิ่งวินเลี้ยงชีพ จากวันละ 300-400 บาท ขึ้นมาเป็นวันละ 300 – 1,000 ซึ่งรายได้ต่อเดือนตนก็จะให้ภรรยาเดือนละ 6,000 บาท เป็นค่าไฟฟ้า และข้าวสาร ส่วนรายจ่ายอื่น ๆ ภรรยาเป็นผู้ออก


ส่วนการเก็บออมเงิน จากการที่ตนเคยผ่านความยากจนมาก่อน มีความคิดที่จะเก็บเงินออมไว้ ซึ่งหากย้อนหลังกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ขณะนั้นตนมีเริ่มมีรายได้มากขึ้น เพราะมีลูกค้าประจำ วิ่งวินไปส่งทั้งที่ จ.สมุทรปราการ กรุงเทพฯ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หรือ จะเป็นที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อได้เงินมาก็จะเก็บออมไว้ ด้วยการนำเหรียญ 5 เหรียญ 10 และธนบัติใบละ 20, 50, 100, 500 และ 1,000 บาท มาแยกใส่ถุงซิปไว้ ถุงละ 500 บาท จะรวม ๆ กัน 4-5 วัน เมื่อครบ 500 บาท ก็จะนำไปซ่อนไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นที่หัวนอน ในลิ้นชัก โต๊ะทำงาน และตู้เก็บของ เพื่อไม่ให้ภรรยา และลูกหลานรู้ที่ซ่อน ซึ่งก็ทำมาตลอด 5 ปี กระทั่งไปซื้อทองให้ภรรยา และทุกคนในบ้านก็ยังไม่รู้ว่าตนซ่อนเงินเอาไว้


"จนมาปีนี้ ที่วัดใกล้บ้านจะมีงานกฐิน จึงอยากเซอร์ไพรส์เมีย ที่อดทนกัดฟันสู้กันมาใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 39 ปี อยากให้เมียมีหน้ามีตาเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง จึงมีความคิดว่า จะนำเงินที่ซุกไว้ตลอด 5 ปี ออกมาซื้อทองให้เมียใส่ นับรวม ๆ กันได้ประมาณ 195,000 บาท เกือบ 2 แสนบาท" นายประจิม กล่าว


เมื่อไปถึงหน้าร้านทอง ตนก็เข้าไปสอบถามว่ารับเหรียญ และแบงก์ 20, 50 บาท หรือไม่ ทางร้านบอกว่ารับ แต่ขอไม่รับเหรียญบาท เนื่องจากพนักงานนับไม่ทัน จากนั้นตนก็เดินกลับมาที่รถ เพื่อนำเงินที่ใส่ไว้ในถุงผ้าแบกขึ้นบ่าตามที่ปรากฎในคลิป ตนก็ไม่ทราบว่าลูกสะใภ้เป็นคนถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ เมื่อไปถึงร้านพนักงานก็ช่วยกันนับ แต่มีเสียงร้องตกใจของพนักงาน ไม่คิดว่าตนจะเอามาจริง ๆ และก็ไม่คิดว่าจะเป็นเหมือนในข่าว ช่วยกันนับใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงจึงนับเสร็จ ตนก็เลือกซื้อสร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท และแหวนทองคำหนัก 1 บาท รวมหนัก 6 บาท ก่อนจะเดินทางกลับบ้านพัก


ทั้งนี้ หลังจากมาถึงบ้าน ตนก็นำทองคำมอบให้ภรรยา และบอกกับเขาว่าตนตั้งใจเก็บเงินซื้อให้ เอาไว้ใส่ไปออกงาน จะได้มีหน้ามีตากับเขาบ้าง แต่ภรรยาก็ปฏิเสธกลับว่า “ขอบใจนะที่ซื้อให้ แต่แกทำงานเหนื่อยมาตลอด ขี่รถตากแดดตากฝน เก็บหอมรอมริบกว่าจะซื้อมาได้ขนาดนี้ ฉันมีทองใส่อยู่ แค่นี้ก็ดีแล้ว ทองที่ซื้อมาให้ก็ยกให้กลับไปเก็บเอาไว้ แค่ทุกวันนี้ครอบครัวมีความสุข ครอบครัวสมบูรณ์ มีลูก มีสะใภ้ และมีหลาน ที่สำคัญ แค่รักและซื่อสัตย์อยู่กันแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า ก็เหมือนถูกรางวัลที่ 1 แล้ว”


น.ส.พจนีย์ ลูกสะใภ้ เล่าให้ฟังว่า ตนก็ไม่เคยทราบว่า พ่อเก็บเงินเอาไว้มากมายขนาดนี้ ซึ่งตนเห็นก็ยังตกใจ ตอนที่พ่อกับแม่กำลังช่วยกันนับเงิน ตนก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไว้ กระทั่งวันที่ 20 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา พากันเดินทางไปที่ร้านทอง ตนก็ใช้มือถือบันทึกภาพพ่อเอาไว้ตลอดทาง หลังจากเดินทางกลับมาบ้าน ตนก็นำคลิปมาตัดต่อและโพสต์ลงในติ๊กต็อก เมื่อตนโพสต์เสร็จก็นอน จนรุ่งเช้ามีเสียงเตือนที่โทรศัพท์ ตนก็เข้ามาดูพบว่ามีคนดูจำนวนมาก และแชร์จำนวนมากเช่นกัน


"มีคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทำคอนเทนต์หรือเปล่า ก็ขอตอบว่าภาพที่เห็นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง พ่อเป็นคนชอบทำอะไรตลก ๆ อารมณ์ดี ก็เลยนำกล้องมือถือมาบันทึกเก็บเอาไว้ให้พ่อได้ดู ว่าครั้งหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้" น.ส.พจนีย์ ลูกสะใภ้ กล่าว 


อย่างไรก็ดี นายประจิม กล่าวยืนยันว่า หลังจากนี้ก็ยังคงเก็บออมเงิน และยังคงต้องซ่อนเงินภรรยาต่อไป เพราะจะนำเงินไปซื้อทองเก็บเอาไว้อีก ส่วนทองที่ซื้อมาครั้งนี้ตนให้ภรรยาเป็นคนเก็บรักษาดูแล ไม่ได้นำติดตัวไปด้วย เพราะอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ส่วนมิจฉาชีพที่คิดดักปล้นให้ลมเลิก เพราะเวลาออกไปทำงานรับส่งลูกค้าจะไม่พกของมีค่าออกไป

คุณอาจสนใจ

Related News