สังคม

'ทนายไก่หมุน' ทำวุ่นทั้งวงการ อาจต้องรื้อคดีเก่ามาตัดสินใหม่ - ทนายจริงเคยร่วมงานด้วย ชี้เนียนมาก ไม่พบพิรุธ

โดย nattachat_c

6 ต.ค. 2565

20 views

พ่อค้าไก่หมุน โป๊ะแตก หลายฝ่ายรุมแฉยับปลอมตัวเป็นทนาย ทั้งใช้หมายเลขทนายคนอื่นอ้างเป็นของตัวเอง ปลอมแปลงคำพิพากษา เช็กก็ลงชื่อหน่วยงานผิด สภาทนายความชี้ผิด 4 ข้อหา จ่อแจ้งความวันนี้ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยันทนายไก่หมุน ไม่เคยว่าความในคดีอาญา ของศาลจังหวัดกำแพงเพชร สอดคล้องกับทนายในคดี เผยทนายปลอม เป็นแค่ผู้ซักถามพยานของจำเลยเท่านั้น ไม่ได้ว่าความเต็มตัวจนชนะคดี

ด้านแม่ทนายปลอม เปิดใจ ลูกเคยขายไก่หมุนจริง ก่อนมารับว่าความใช้บ้านเปิดเป็นสำนักงาน แต่ไม่รู้รายละเอียด ร่ำไห้วอนเห็นใจลูกติดคุกเหมือนขาดเสาหลัก ไร้เงินส่งเสียลูกทั้ง 2 คน ตอนนี้ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร


จากกรณี นายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ พ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายความ สวมรอยว่าความหลายปี หลอกเงินลูกความไปหลายราย ก่อนสุดท้ายจะโดนจับโป๊ะ และถูกจับไปแล้วนั้น


วานนี้ (5 ต.ค. 65) นางสาวณัฐกานต์ รตนกันฑ์แก้ว อายุ 36 ปี 1 ในผู้เสียหายที่ถูกพ่อค้าไก่หมุนที่ปลอมตัวเป็นทนายความหลอก เผยว่า รู้จักกับทนายผ่านทางเพจเฟซบุ๊กรับปรึกษาปัญหาทนายฟรี ขณะนั้นช่วง ธ.ค.63 ได้โพสต์ขอปรึกษาเกี่ยวกับคดีเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาท พรบ. คอมพิวเตอร์ ก่อนที่ทนายปลอมจะส่งข้อความมาแนะนำเรื่องคดีว่าควรทำอย่างไรบ้าง


ก่อนจะมีการว่างจ้างเกิดขึ้นช่วง เม.ย.64 และทยอยโอนค่าจ้างให้กับทนายคนดังกล่าวไปเป็นจำนวนเงิน 39,000 บาท ประกอบด้วย

  • ค่าวิชาชีพทนายความ 20,000 บาท
  • ค่าเดินเรื่อง 5,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมศาล 6,000 บาท
  • ค่าเดินทางไปตรวจสอบข้อมูลที่กระทรวง DES 1,500 บาท
  • ชำระเงินงวดวันพิพากษา 1,500 บาท


ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตั้งแต่ปรึกษากันจนกระทั่งจ่ายเงินค่าจ้างทนายความแล้ว ไม่เคยเจอหน้ากันสักครั้ง ทนายปลอมคนนี้สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการส่งตั๋วทนาย ส่งบัตรประจำตัวประชาชน เอกสารที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง แต่จริงแค่บัตรประจำตัวประชาชน


รวมทั้งแจ้งความคืบหน้าทางคดีอย่างต่อเนื่อง ว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง เช่นว่า กระบวนการตอนนี้ถึงขั้นไต่สวนแล้วแต่เป็นช่วงโควิด เลื่อนนัดไปเรื่อยๆ และบอกว่าได้ไต่สวนออนไลน์แล้ว


จนกระทั่ง เขานัดมาว่า ให้ไปฟังคำตัดสินของศาลที่ศาลจังหวัดชลบุรี เมื่อช่วง ส.ค. 65 ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายเขาไม่มา ให้เหตุผลมาว่าไม่มาเพราะโควิด ตอนนั้นจึงเริ่มเอะใจ และจับโป๊ะได้ จึงได้ติดต่อมายังนายประพจน์ วงศ์ก่อเกื้อ หรือทนายประพจน์ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ไปตรวจสอบในระบบเกี่ยวกับเรื่องคดี


เมื่อไปตรวจสอบกลับพบว่าไม่มีการฟ้องคดีของตน ตอนนั้นก็มั่นใจเต็มร้อยว่าไม่ใช่ทนายจริง แต่ก็พยายามติดต่อเรื่อยๆ ไม่ให้ขาดการติดต่อ แต่ว่าตอนนี้ได้รับเงินคืนมา 15,000 บาท แต่เป็นบัญชีของบุคคลอื่น


ส่วนทางคดีในช่วงบ่ายวานนี้ ได้เข้าแจ้งความ และเข้าให้ปากคำและมอบหลักฐาน ให้ตำรวจที่ สภ.แหลมฉบัง อำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องคดีความเก่าของตนไม่มีอะไรแล้ว


ด้านทนายประพจน์ วงศ์ก่อเกื้อ ทนายความและสมาชิกกลุ่ม "ทนายอาสาปรึกษาในกลุ่มฟรีโดยทนายมืออาชีพ" เผยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายเอะใจแล้วประสานมา ตนก็แนะนำไปว่าให้ไปตรวจสอบว่ามีชื่อเป็นโจทก์หรือไม่ แต่ไปก็ปรากฏว่าไม่พบ


ตอนนั้นยังเชื่อว่าเป็นทนายความ แต่อาจจะดองงาน ก่อนจะขอดูสำนวน ซึ่งเท่าที่ดูก็ถูกต้องหมด มองว่าเขาค่อนข้างมีทักษะที่ดี เอกสารทุกอย่างเป๊ะหมด ทั้งคำร้อง บัญชีพยาน ถูกต้อง สามารถใช้ได้เลยในความเป็นจริง ตั้งแต่เป็นทนายมาไม่เคยเจอแบบนี้เลย ถึงขั้นที่ขึ้นไปว่าความ เคสนี้เป็นเคสแรก


ขณะเดียวกัน ผู้เสียหายได้นำตั๋วทนายปลอมที่อีกฝั่งส่งมาให้ทีมข่าว เปรียบเทียบดูกับของจริงของทนายประพจน์ ซึ่งทนายประพจน์ บอกว่า ตั๋วทนายนี้ ทนายปลอมไปเอาของคนอื่นมา ซึ่งเลขตั๋วทนายเลขดังกล่าวเป็นของทนายความผู้หญิง รวมทั้งเรื่องของอายุ ซึ่งทนายปลอมอายุประมาณ 30 กว่าปี ถ้าย้อนกลับไปก็จะอายุประมาณ 19-20 ที่สามารถสอบได้ มองว่าค่อนข้างยาก ต้องเทพจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็นอีกข้อสังเกตหนึ่ง


สำหรับตั๋วทนายหากเปรียบเทียบของจริง ของปลอม ข้อสังเกตคือ

  • เลขหมายใบอนุญาต ปี ของฝั่งทนายปลอม ไม่น่าเป็นไปได้ (ตามข้อสังเกตของทนายประพจน์)
  • ชื่อ ต้องเว้นวรรค
  • ที่อยู่ ต้องชิดริมซ้าย


ต่อมา ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายวัชรพล ยานะเครือ หรือทนายบุ๋ย ทนายความที่เคยขึ้นว่าความกับนายพรเทพ (ทนายปลอม) ขอยืนยันก่อนว่าจากข่าวที่มีการนำเสนอไป ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าวกับนายพรเทพ ขณะเดียวกันนายพรเทพ ยังมีการใช้ชื่อของตนไปใช้อ้างอิงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อีกด้วย ก็นับได้ว่าตนเป็นผู้เสียหายด้วยอีกคนหนึ่ง


ส่วนสาเหตุที่ได้มาร่วมงานกัน ย้อนกลับไปประมาณปี 53 ตอนนั้นตนเป็นทนายความประจำสำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนนายพรเทพ ได้แจ้งมาว่าสามารถสอบภาคทฤษฎีได้แล้ว จึงต้องมาฝึกงานภาคปฏิบัติที่สำนักงาน และขณะนั้นตนไม่ได้เป็นเจ้าของสำงาน จึงไม่ได้ทำการตรวจสอบ เพิ่งมารู้ว่านายพรเทพ เป็นทนายปลอม เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. 65 ที่ผ่านมา


สำหรับพฤติกรรมตอนที่ได้ร่วมงานกัน ทนายปลอมรายนี้ ไม่ได้แสดงพิรุธอะไรเลย เขาประพฤติปฏิบัติตนเหมือนทนายความทั่วไป ไม่มีข้อสงสัยอะไรเลยว่าเป็นทนายปลอม หรือปลอมตัวเข้ามาแต่อย่างใด


ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวระบุว่า มีการว่าความชนะอัยการ ในคดีข้อหายักยอกทรัพย์นั้น ทนายบุ๋ย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงบิดเบือนไปเล็กน้อย ในส่วนของคดีดังกล่าวนั้น เป็นคดีอาญาในข้อหายักยอกทรัพย์ ที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชร มีการเบิกความกันมาตั้งแต่ช่วงปี 64 ถึง 65


ซึ่งในคดีนี้ มีจำเลยทั้งหมด 3 คน ซึ่งตนเป็นทนายความให้กับจำเลยที่ 2 และทำหน้าที่เกือบทุกขั้นตอนในการพิจารณาคดี แต่ทนายปลอมทำหน้าที่เพียงแค่ครั้งเดียว โดยการซักถามจำเลยที่ 2 เท่านั้น สุดท้ายคดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้องไป


สรุปได้ว่าทั้ง 2 ขึ้นว่าความด้วยกัน 1 ครั้ง คือคดีของศาลจังหวัดกำแพงเพชรเพียงเรื่องเดียว ส่วนเรื่องอื่นๆ เหมือนใส่ชุดครุยทนายนั่งข้างๆ เฉยๆ ไม่ได้ดำเนินการในกระบวนการพิจารณาในชั้นศาลแต่อย่างใด


ทั้งนี้ เมื่อทราบเรื่องว่านายพรเทพเป็นทนายปลอม ทนายบุ๋ย ยอมรับว่า ตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะกระบวนการยุติธรรมกว่าจะสอบตั๋วทนายได้นั้น ต้องมีขั้นตอน หลักเกณฑ์ และวิธีการกว่าจะได้มา ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องยากที่คนๆ นึงจะปลอมตั๋วทนาย แล้วเอาตัวเองขึ้นไปว่าความในชั้นศาลได้

-------------

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยกรณีปรากฏข่าวพ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายความเเละว่าความชนะอัยการคดียักยอกทรัพย์ ว่า


นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้มอบให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน ซึ่งได้โทรประสานงานไปยังนายธนพล ประเสริฐดี อัยการจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งได้รายงานข้อเท็จจริงแจ้งมาเวลา 12:30 น. ว่า


ทางสำนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ศาลได้ช่วยกันตรวจสอบหาสำนวนตามที่เป็นข่าวกรณี พ่อค้าไก่หมุน ถึงคดียักยอกที่แจ้งว่าอัยการแพ้คดีนั้น ตรวจสอบตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ยังตรวจไม่พบคดีดังกล่าวว่าเป็นสำนวนคดีใดยังไม่ปรากฏ คงตรวจสอบพบแต่คดีข้อหาฉ้อโกง ซึ่งบุคคลตามข่าวได้ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ และคดีดังกล่าวตกลงกันได้ศาลจึงจำหน่ายคดี ข่าวที่เกิดขึ้นจึงไม่ปรากฏสำนวนคดียืนยันว่าเป็นเรื่องใด ยังปราศจากมูลความจริง ขณะนี้กำลังเร่งรัดตรวจสอบหาคดียักยอกตามข่าวต่อเนื่อง หากตรวจพบจะรายงานเข้ามาที่สำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป

------------

นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า กรณีมีคนแอบอ้างเป็นทนายความ ทั้งที่ไม่มีชื่อในทะเบียนทนายความเข้ามาว่าความคดีของศาลยุติธรรมนั้น ตนเพิ่งได้รับรายงาน และยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีกี่คดี อยู่ที่ไหน เป็นคดีความอย่างไร และจากนั้นก็เป็นดุลยพินิจของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีนั้นๆ ที่จะดำเนินการขั้นตอนต่อไป อย่างนำคดีที่ตัดสินไปแล้วมาพิจารณาตรวจสำนวนคดีใหม่ หรือพักการพิจารณาที่อยู่ระหว่างไต่สวนสืบพยานไปก่อน ก็อยู่ผู้พิพากษา


ที่ผ่านมาตนไม่เคยพบว่ามีการปลอมเป็นทนายมาขึ้นว่าความในศาลมาก่อน แต่จากที่ได้รับรายงานของศาลจังหวัดกำแพงเพชร ได้ส่งตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจแล้วเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา แต่ในส่วนของศาลหากพบว่ามีความผิด จะมีการไต่สวนละเมิดอำนาจศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งต่อไป


เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการป้องกันตรวจสอบทนายปลอมอย่างไร นายสรวิศ กล่าวว่า หลังจากนี้ตนหวังว่าจะได้ประสานกับทางสภาทนายความฯ เพื่อในอนาคตจะมีการใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อโดยตรงกับทางศาลยุติธรรมและได้ข้อมูลของทนายความที่อัปเดตล่าสุดได้เสมอ แต่เท่าที่ทราบตอนนี้ทางสภาทนายความฯยังไม่พร้อม จึงอาจจะต้องมีการปรึกษาหารือเรื่องนี้ต่อไป
-------------
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.คนฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบกับแม่ของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่อาศัยในบ้านหลังดังกล่าวกับหลานสาวอีกสองคน ซึ่งเป็นลูกของผู้ต้องหา


โดยแม่เปิดเผยว่า ไม่ทราบว่าลูกชายทำความผิดอะไร ก่อนหน้านี้สองปีลูกชายเคยขายไก่หมุนอยู่ในพื้นที่ อ.ไทรงามและ อ.ทรายทองวัฒนา หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วรับว่าความ ส่วนในรายละเอียดตนไม่รู้เรื่อง รู้แต่เพียงว่าลูกชายหาเงินมาจุนเจือครอบครัว


ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกชายอยากจะไปประกันตัวออกมา ตั้งแต่ถูกจับกุมตัวไปตนก็ยังไม่ทราบข่าวคราวเกี่ยวกับลูกชายอีกเลย ตอนนี้มีความเป็นห่วงเป็นอย่างมากไม่อยากให้ลูกติดคุกเนื่องจาก ลูกเป็นเสาหลักของครอบครัว หาเงินส่งเสียเลี้ยงดูทั้งตัวเองและลูกสาวอีกสองคน หากขาดลูกชายไป ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กันยังไง โดยได้นำรูปถ่ายตอนที่ลูกชายรับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยภาคกลาง จ.นครสวรรค์ให้ดู แต่ไม่ทราบว่าลูกชายเรียนจบคณะอะไร


ส่วนที่ตลาด อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ซึ่งทนายปลอมได้อ้างว่าเคยมาขายไก่หมุน จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ต่างบอกว่าไม่เคยรู้จัก ถ้าเคยมาขายตลาดทุกคนต้องรู้จัก อาจจะไม่ได้ขายในตลาดแต่ไปขายตามแผงข้างทางก็ได้


ขณะที่จังหวัดนครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อสอบถามพฤติกรรมของ ทนายไก่หมุนรายนี้ จากการสอบถามตำรวจภายในห้องรับแจ้งความก็ทราบว่าเคยพบเหตุเห็นทนายไก่หมุนคนนี้จริง เคยมาแสดงตัวว่าเป็นทนายความพาลูกความมาแจ้งความในคดีต่างๆ มาขอคำแนะนำเรื่องคดีของลูกความบ้าง


ล่าสุดครั้งสุดท้ายเดินทางพาลูกความมาแจ้งความครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งมาทราบจากข่าวว่าเป็นทนายปลอม
--------------

ทั้งนี้ ยังเคยปลอมเช็คธนาคาร เขียนชื่อกระทรวงเทคโนโลยีเพื่อการสนเทศ ซึ่งความจริงมีการเปลี่ยนชื่อไปแล้ว



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7azrCZDK5os

คุณอาจสนใจ

Related News