แม่เด็กวัยสองขวบร้องสื่อลูกถูกครูเนอสเซอรี่ตีหนูน้อยผวาไม่กล้าไปโรงเรียน

ผู้สื่อข่าวพบน.ส.เอ อายุ 38 ปี ชาวตำบลเหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน หลังได้รับการร้องเรียนว่าลูกสาววัยสองขวบห้าเดือนถูกครูที่เนอสเซอรี่แห่งหนึ่งตีจนหนูน้อยผวาไม่กล้าเข้าไปเรียนพร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิด(ภาพกล้องวงจรปิดของเนอสเซอรี่***ไม่ได้ขออนุญาตจากเนอสเซอรี่***ได้มาจากแม่ของเด็กซึ่งได้มาจากพม.ช่วงที่พม.ลงไปตรวจสอบ)มาให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมนำบันทึกข้อความที่จนท.บันทึกไว้โดยมีใจความท่อนหนึ่งระบุไว้ว่าครูของเนอสเซอรี่รายดังกล่าวว่าได้มีการทำโทษโดยการตีที่หลังเด็กไปหนึ่งครั้งเนื่องจากอยู่ในสภาวะเครียดและเด็กมีพฤติกรรมร้องไห้ไม่ทำการบ้านทำให้บันดาลโทสะและหลังเกิดเหตุได้มีการไกล่เกลี่และทำการขอโทษต่อการกระทำดังกล่าวแล้ว



โดยน.ส.เอแม่ของหนูน้อยเปิดเผยต่ออีกว่าลูกน้อยถูกครูตีเมื่อวันที่ 16 ส.ค.65 และได้บอกตนเองตอนแรกก็ไม่เชื่อลูกเพราะคิดว่าลูกอาจจะพูดเรื่อยเปื่อยเหมือนเด็กเล็กๆทั่วไปแต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นสังเกตุได้ว่าลูกก็ไม่อยากไปโรงเรียน จนคืนวันพุธ(17ส.ค.) ลูกผวาร้องไห้เป็นครึ่งชั่วโมงและบอกว่าไม่อยากไปโรงเรียนตนจึงเชตข้อความไปหาครูทางเฟชบุ๊กและครูบอกให้ไปพบที่เนอสเซอรี่ในตอนเช้าของวันที่18 ส.ค.และครูก็รายงานความประพฤติว่าลูกตนเองดื้อไม่ยอมทำงานที่สั่งและไม่ได้ตีเด็กหรือหากจะทำโทษก็จะมีแค่ตีที่มือเล็กน้อยเท่านั้นตนเองจึงขอดูกล้องวงจรปิดของเนอสเซอรี่แต่เขาก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดูและต่อมายังอ้างว่าวงจรปิดเกิน7 วันถูกบันทึกซ้ำไปแล้วตนเองจึงมีการแจ้งไปยังบ้านพักเด็กเพื่อให้มีการตรวจสอบและค่ำวันนั้นทางครูก็นำกระเช้าและตุ๊กตาสองตัวมาขอโทษและรับว่ามีการตีที่หลังของเด็กเบาๆแค่หนึ่งทีและขอให้เด็กไปเรียนตามเดิมโดยรับปากว่าจะไม่ตีเด็กอีกและเดือนนี้ไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแต่ทางครอบครัวตนเองไม่ยอม จนกระทั่งเช้าวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่และเขาก็ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดจึงเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวตามในคลิป ในฐานพ่อแม่มองว่าลูกอายุแค่สองขวบเศษซึ่งยังเล็กมากการกระทำของครูนั้นแรงเกินไปเพราะวัยของเด็กขนาดนี้ส่วนใหญ่คือกินและนอนและก็สอนให้เด็กมีการพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยเท่านั้นและก็จะดำเนินคดีกับครูคนที่ก่อเหตุของเนอสเซอรี่ให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นตัวอย่างและไม่อยากให้ครูไปทำอะไรแบบนี้กับลูกคนอื่นอีกทั้งนี้ได้ไปแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองลำพูนเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา



ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรไปสอบถามกับเนอสเซอรี่รายดังกล่าวเบื้องต้นเปิดเผยว่าได้เคลียร์และไปขอโทษกับผู้ปกครองเด็กแล้ว และได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบหากผู้ปกครองติดใจที่จะดำเนินคดีก็จะขอสู้ตามกระบวนการของกฎหมายและไม่ขอชี้แจงผ่านสื่อโดยพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง