สังคม

'กรุงเทพกลางแปลง' สุดคึก! 'ชัชชาติ' ปลื้มจุดเริ่มต้นความสุข คนกรุงย้อนวันวาน นั่งดูหนัง กินอ้อยควั่น-ข้าวโพดคั่ว

โดย nattachat_c

8 ก.ค. 2565

116 views

'กรุงเทพกลางแปลง' กิจกรรมที่ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย หอภาพยนตร์ Thai Film Archive สมาคมหนังกลางแปลง และ Better Bangkok ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ จัดขึ้น เพื่อจัดฉายภาพยนตร์กลางแปลงกว่า 25 เรื่อง ตลอดเดือนกรกฎาคม รวม 10 สถานที่ในกรุงเทพฯ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 - 31 ก.ค. นี้


วานนี้ (7 ก.ค. 65) เวลา 16.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เดินทางมาร่วมงานเทศกาล 'กรุงเทพกลางแปลง' ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) บรรยากาศในช่วงที่นายชัชชาติ เดินมาถึงที่ลานคนเมืองก่อนเปิดงาน ได้เดินพูดคุยทักทายประชาชน มีประชาชน และสื่อมวลชน เข้ารุมขอถ่ายภาพกับ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ อย่างคับคั่ง


นายชัชชาติ ได้พูดหยอกล้อกับผู้สื่อข่าวว่า “มาดูหนังกลางแปลงต้องมีอ้อยควั่น เพื่อจะได้บรรยากาศ” ระหว่างที่นายชัชชาติ ไม่ทันพูดจบ ก็ปรากฎมีผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งฝ่าวงล้อมผู้สื่อข่าว นำอ้อยควั่นมายื่นให้ โดยนายชัชชาติ ได้อุทานว่า “โอ้ว และบอกว่าไม่ได้กินมานาน พร้อมสอบถามว่ากี่บาท ให้ทีมไปจ่ายด้วย” จากนั้นก็ได้ชิมอ้อยควั่น ต่อหน้าผู้สื่อข่าว และบอกว่า “กินเสร็จก็จะมีเศษอ้อยแบบนี้”


ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มงาน ว่าในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ทางผู้ว่าฯการรถไฟ ได้อนุญาตให้ กทม.นำหนังกลางแปลงไปฉายในหัวลำโพง คาดว่าจะเป็นเรื่องคู่กรรม เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับสถานีรถไฟด้วย รวมทั้งทางสถานทูตเกาหลีได้ติดต่อมาเพื่อที่จะนำหนังเกาหลีมาร่วมฉายด้วยในอนาคต


การจัดงานในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานภาคเอกชน โดยไม่ได้ใช้งบประมาณในส่วนของกรุงเทพมหานคร ทำให้เห็นถึงพลังในความร่วมมือร่วมใจ พลังหลายอย่างอยู่นอกภาครัฐ เป็นกิจกรรมที่ดีขอบคุณ รองผู้ว่าฯ ศานนท์ ที่ช่วยประสานให้กิจกรรมนี้เกิดขึ้น


ผู้สื่อข่าวถามว่าจากกระแสกรุงเทพฯกลางแปลง ถือว่าเป็นการฟื้นตำนานหนังกลางแปลงใน กทม.หรือไม่ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า “ชีวิตผมส่วนตัวแทบไม่ได้ดูหนังกลางแปลงเลย บรรยากาศน่าจะเหมาะกับช่วงโควิด เนื่องจากเป็นสถานที่เปิดโล่ง


และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจร้านค้าโดยรอบศาลาว่าการ กทม.ขายดี ถือว่าเป็นเรื่องหลายมิติทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องความสุข ความสนุก ความหวัง และหวังว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยเชื่อมความสุขให้กับเราได้”


ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงเหตุผลที่ ผู้ว่าฯ ชอบภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยาม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า ชื่นชอบเพราะว่าชอบเพลงประกอบภาพยนตร์มีความไพเราะ และในช่วงเวลาหนึ่งเคยดูแลพื้นที่สยามด้วย


“ความสุขมีทั่วไปอยู่ในกรุงเทพฯ กิจกรรมนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยส่วนหนึ่ง เหมือนกับดนตรีในสวน ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของคนในละแวกที่มีหนังกลางแปลงไปฉาย ความสุขไม่ใช่แค่การมาดูหนังกลางแปลง แต่มันอยู่ที่ใจ หนังกลางแปลงทำให้เราหลุดออกจากชีวิตประจำวัน ถือว่าเป็นการพักผ่อน และสร้างความสุขได้ หนังการแปลงเป็นเพียงแค่จุดกระตุ้น ความสุขอยู่ที่ใจ ทุกคนหาความสุขได้"

-------------

หนังกลางแปลง กับ ของกิน ถือเป็นนของคู่กัน เมื่อวานนี้ ในงานกรุงเทพกลางแปลง ก็มีร้านค้ามากมาย ให้ย้อนถึงยุคหนังกลางแปลงเฟื่องฟู มีทั้งอาหารคาว-หวาน อาทิ อ้อยควั่น ลูกชิ้นปิ้ง ข้าวเกรียบว่าว ไก่กะทิ ข้าวโพดคั่ว ปลาหมึกย่าง เป็นต้น ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก


นางยุพิน มณีวงศ์ อายุ 56 ปี แม่ค้าขายอ้อยควั่น เผยว่า ตนเดินทางมาจาก จ.ระยอง เพื่อมาขายอ้อยควั่นในงานดังกล่าว ซึ่งทำให้นึกถึงบรรยากาศในอดีต ถ้าเราไปดูหนังกลางแปลงจะมีอ้อยควั่น ของกินบ้านๆ ที่ชาวบ้านนำไปขายกันเองนั่งกินระหว่างดูหนัง ไม่เหมือนสมัยนี้


พอทราบว่า จะมีงานฉายหนังกลางแปลง จึงคุยกับลูกว่าจะพากันมานั่งขายอ้อยควั่น ตนนึกถึงสมัยเด็ก ๆ พ่อจะเป็นคนเสียบไม้อ้อยควั่นให้ แล้วให้ตนนำไปขาย บรรยากาศสมัยก่อนมันสนุกไม่เหมือนตอนนี้ งานครั้งนี้ตนและครอบครัวหาอ้อยอย่างเร่งรีบเพื่อที่จะนำมาขาย ให้กับคนที่ต้องการกินอ้อยควั่น ต้องการย้อนยุคไปกับเรา ขายดีมาก 20 บาท มี 14 ไม้ ทำแทบไม่ทัน ดีใจที่ได้มา อยู่ต่างจังหวัดไม่มีหนังกลางแปลงให้ดู


พ่อค้าขายข้าวเกรียบว่าว เผยว่า อยากให้มีการจัดงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน พ่อค้าแม่ค้าคนรากหญ้าจะได้มีช่องทางค้าขาย บางคนมีสินค้าแต่ไม่มีที่ระบาย พอมีงานนี้เกิดขึ้นเค้าก็จะนำสินค้าออกมาขาย ตนเองขายข้าวเกรียบว่าวมา 10 กว่าปีแล้ว บรรยากาศวันนี้ขายดีมาก ลูกค้ามาต่อแถวเข้าคิวรอซื้อทำไม่ทัน ขายจนหมดเกลี้ยง


แม่ค้าขายปลาหมึกย่าง กล่าวว่า นำหมึกย่างมาขาย 200 กว่าตัว มีทั้งตัวละ 10 บาท 20 บาท 50 บาท หนวดปลาหมึกไม้ละ 5 บาท ไม่พอขายลูกค้าต่อคิวซื้อเยอะ ต้องให้คนที่บ้านนำมาส่งขายเพิ่มอีก ขายในงานครั้งนี้ดีกว่าที่ตนเคยขาย ที่ผ่านมาคนไม่ค่อยซื้อกิน เพราะเป็นของกินเล่น คนที่ชอบกินจริงๆ ถึงจะซื้อ ทั้งนี้ มีรายได้เยอะกว่าปกติที่เคยขาย เดิมเคยขายได้วันละ 700- 800 บาท และขายไม่หมด แต่วันนี้ขายได้พันกว่าบาท ปลาหมึกที่นำมาขายหมดเกลี้ยงในพริบตา ไม่คิดว่าคนจะมาเยอะ อยากให้จัดงานแบบนี้เรื่อยๆ


แม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้งน้ำจิ้มสูตรโบราณ เผยว่า ไม่คิดว่าจะขายของดีขนาดนี้ วันนี้ถ้าฝนไม่ตกก็จะมาขายอีก งานเทศกาลนี้ทำให้พ่อค้าแม่ค้าขายของดีกว่าเดิม รายได้เพิ่มเป็นเท่าตัว ปกติขายลูกชิ้นวันละ 20 - 30 กิโล วันนี้ขายได้ 50 กว่ากิโล ดีใจขายได้มากกว่าที่เคยขาย นานมากไม่เคยเจอบรรยากาศแบบนี้ อยากให้มีงานแบบนี้เรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ


แม่ค้าขายข้าวเกรียบปลาและข้าวเกรียบกุ้ง เผยว่า ค้าขายดี คนมาใช้จ่ายเยอะขึ้น พ่อค้าแม่ค้าที่เคยประสบปัญหาโควิด ได้นำสินค้ามาขายมีรายได้ อีกทั้งไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ บรรยากาศคึกครื้นคนเยอะ คนให้ความสนใจกับงาน

--------------
กรุงเทพกลางแปลง เริ่มกิจกรรมในเวลา 16.00 น. โดยมีประชาชนที่ให้ความสนใจทยอยมาร่วมงาน บางคนแต่งตัวย้อนยุคมาร่วมงานบางส่วนต่างนำเสื่อมาจากบ้านมาปูจับจองที่นั่ง ส่วนคนที่ไม่ได้นำมา จะมีจุดบริการให้ยืมเสื่อรองนั่ง เป็นแผ่นไวนิลป้ายของคุณชัชชาติ ที่เก็บหลังเสร็จสิ้นจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.


ก่อนเริ่มงานช่วงเวลา 16.00 น. นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือฮาร์ท และนายกุลพงษ์ บุนนาค หรือเบิร์ด นักร้องชื่อดังวง ‘เบิร์ดกะฮาร์ท’ ได้ร้องเพลงและเล่นดนตรีบริเวณหน้าจอฉายหนัง อาทิ เพลง ‘งานวัด’ ของ ‘วงเพื่อน’ เป็นต้น ทำให้บรรยากาศของผู้ร่วมงานเป็นไปอย่างคึกคักด้วย


จากนั้นพอถึงเวลาเริ่มงาน ทางเบิร์ดกะฮาร์ท ได้เล่นเพลงดังของตัวเอง 'ฝน' สร้างความคึกคักให้คนฟังเป็นอย่างมากจากนั้นทางวงได้ประกาศจะพาทุกคนย้อนกลับไปช่วงบรรยากาศปี 2499 แล้วเริ่มเพลง Johnny B. Goode ของตำนานศิลปินชัค เบอร์รี่ ในจังหวะดนตรีเข้ากับช่วงปี 2499 ซึ่งเป็นยุคดนตรีร็อคแอนด์โรลล์


ทั้งนี้ ทางศิลปิน ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ได้ขึ้นมาร้องเพลงด้วยอมตะ 'รักยืนยง'


นายนิมิตร สัตยากุล ผู้ก่อตั้งสมาคมหนังกลางแปลง หนึ่งในส่วนสำคัญกับเทศกาล “กรุงเทพกลางแปลง” เปิดเผยว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้กลับมาฉายหนังกลางแปลง อีกครั้งในรอบ 25 ปี ซึ่งบรรยากาศการฉายหนังครั้งนี้เหมือนได้กลับมาฉายหนังในยุค 90 อีกครั้ง เป็นบรรยากาศที่หลายคนรอคอย และเป็นภาพที่คนแทบลืมเลือนแล้ว ได้กลับมานั่งชมหนังกลางแปลงกับครอบครัว เพื่อนฝูงและคู่รัก พร้อมเลือกซื้ออาหารคาวหวานมานั่งกิน เช่น ลูกชิ้นปิ้ง ขนมจีน ผลไม้ ชมหนังกลางแปลงอย่างสนุกสนาน


สำหรับเทคนิคการฉายหนัง ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย มีทั้งฉายในระบบฟิล์ม และระบบดิจิทัล โดยในวันนี้ จะนำภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลของเมือง มาฉายในระบบดิจิทัล ซึ่งจะได้ฉายภาพความเป็นกรุงเทพฯในยุคนั้นให้รับชม 


ทั้งนี้ อุตสาหกรรมหนังกลางแปลง ซบเซาลงตั้งแต่มีหนังแผ่น CD วางขาย จนเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ภาพยนต์หาเลือกชมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น กระทั่ง กทม.ฟื้นหนังกางแปลงขึ้นมา ในเทศกาลกรุงเทพกลางแปลง ตลอดเดือนกรกฎาคม นี้ คาดว่าจะทำให้หนังการแปลงได้กลับมารับความนิยมอีกครั้งทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด

--------------

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน ‘ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี’ พระเอกของเรื่องในบท ‘แดง ไบเลย์’ มาร่วมงานด้วย พร้อมกับจัดเสวนาก่อนหนังฉาย ถึงที่มาที่ไปของหนัง ร่วมกับ ‘นนทรีย์ นิมิบุตร’ ผู้กำกับหนังฯ และทราย เจริญปุระ นักแสดงที่มีผลงานภาพยนตร์ไทยคุณภาพหลายเรื่อง เป็นพิธีกรสัมภาษณ์


ด้านติ๊ก เจษฎาภรณ์ กล่าวถึงความยินดีที่ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมเล่าถึงเรื่องราวภายในหนัง 2499 อันธพาลครองเมือง ที่จะฉายในวันนี้ด้วย โดยเมื่อเริ่มมีการฉายหนัง โดยเริ่มด้วยรายชื่อผู้สนับสนุนที่ใช้เสียงพากย์แบบหนังกลางแปลง จากนั้นจึงมีการฉายโฆษณาโปรโมทหนังเรื่องอื่นๆ อีกด้วย


ช่วงหนึ่ง ทราย อินทิรา เจริญปุระ ได้ให้ติ๊ก เจษฎาภรณ์ แสดงบทบาทช่วงหนึ่งของหนัง 2499 อันธาพครองเมืองให้ดูโดยบทช่วงนั้นคือ ตัวละครแดง ไบเล่ ที่บอกกับวัลภา ภรรยาในเรื่องว่า “เป็นเมียเราต้องอดทน” โดยทราย เจริญปุระร่วมแสดงจำลองเป็นวัลภา ภายหลังจบการแสดงจำลองลงได้รับเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือจากผู้ชมในลานคนเมืองอย่างกึกก้อง

ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า วันนี้ตื่นเต้นมาก เพราะตั้งแต่ 2499 อันธพาลครองเมือง ฉายจบไปเมื่อปี 2540 แต่กระแสของหนังยังคงอยู่ และมีคนรุ่นใหม่รู้จักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกดีมาก สำหรับการนำมาฉายเป็นหนังกลางแปลง ถือว่าคลาสสิคมาก หากใครไม่เคยดูหนังกลางแปลง ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ทำให้วงการภาพยนตร์คึกคัก


ต๊อก ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ ซึ่งร่วมแสดงหนังเรื่องนี้ด้วย ได้มาร่วมชมหนังเช่นกัน เผยว่า จะมาเสพบรรยากาศของกินอร่อยมาก อยากเห็นบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว เพราะรู้สึกว่าหนังกลางแปลงปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีให้เห็น ส่วนใหญ่กลายเป็นคอนเสิร์ตไปหมดแล้ว ตนมาทันดูหนังช่วงครึ่งหลังเพราะติดถ่ายละคร ยินดีที่มีโอกาสได้มาร่วมงาน


การจัดกิจกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมการค้าการขายด้วย พ่อค้าแม่ค้าต่างพากันยิ้มแย้มขอบคุณผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่จัดงานแบบนี้ขึ้นมา ที่ผ่านมาหนังกลางแปลงหายไป อยากให้มีการจัดแบบนี้ไปเรื่อยๆ รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย

------------











แท็กที่เกี่ยวข้อง  กรุงเทพกลางแปลง ,ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ,ลานคนเมือง ,ปลาหมึกย่าง ,2499 อันธพาลครองเมือง ,ทราย เจริญปุระ ,สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ,Thai Film Archive ,สมาคมหนังกลางแปลง ,Better Bangkok ,อ้อยควั่น ,ข้าวเกรียบว่าว ,ลูกชิ้นปิ้งน้ำจิ้มสูตรโบราณ ,ข้าวเกรียบปลา ,ข้าวเกรียบกุ้ง ,ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี’ ,นนทรีย์ นิมิบุตร ,ต๊อก ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ

คุณอาจสนใจ

Related News