สังคม

อนามัยโลกประชุมฉุกเฉิน จับตา 'ฝีดาษลิง' - กรมควบคุมโรคเฝ้าระวัง นทท.สกัดระบาดในไทย

โดย thichaphat_d

24 พ.ค. 2565

43 views

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการประชุมฉุกเฉิน และกำลังเฝ้าจับตาการระบาดของโรคฝีดาษลิง  หลังจากพบจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น และขณะนี้ มีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาเป็น 17 ประเทศแล้ว ส่วนใหญ่พบในยุโรป อีกทั้งยังพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย ส่วนไทยยังไม่พบในประเทศ


ด้านประเทศไทย นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคฝีดาษลิง (monkey pox) ว่า  กรมได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้น เพื่อเฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางจากประเทศที่มีการระบาด ช่วยให้ตรวจจับกลุ่มเสี่ยงได้รวดเร็วขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ หลังพบการแพร่ระบาดในหลายประเทศ และสามารถติดต่อจากคนสู่คน


ไทยต้องรีบยกระดับศูนย์ขึ้นมา เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้ทัน เพราะโรคนี้ยังไม่มียาเฉพาะรักษา ต้องรักษาประคับประคอง แม้ว่าในประเทศยังไม่มีผู้ติดเชื้อนี้และประเทศไทยก็ไม่เคยเจอโรคนี้มาก่อน รวมถึง การจัดตั้งศูนย์ฯเป็นระดับกรมเพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศก่อน ว่าแต่ละประเทศมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ที่พอจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศนั้นๆ ที่กำลังมีการระบาด มีการแพร่ระบาดถึงระดับไหน ซึ่งข้อมูลคงจะทยอยเข้ามา


สำหรับการเฝ้าระวังโรคภายในประเทศ คือ คนที่เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งที่ด่านที่สนามบินต่างๆอาจจะไม่เห็นอาการ เพราะว่าตอนเริ่มต้นอาการอาจจะน้อยหรือไม่มีอาการ แต่เมื่อมาถึงประเทศไทย เกิดตุ่มหนอง ตุ่มน้ำ  จะเน้นเฝ้าระวังในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงทั้งประเทศแอฟริกากลาง เช่น ไนจีเรีย และคองโก และประเทศในยุโรปที่มีการแพร่ระบาดภายในประเทศแล้ว คือ อังกฤษ สเปน โปรตุเกส


โดยที่สนามบินจะมีการคัดกรองอาการในผู้เดินทางมากับไฟลท์บินจากประเทศเหล่านี้ ดูว่ามีแผลหรืออะไรหรือไม่แบบเดินผ่านๆ และแจกบัตรเตือนสุขภาพ(Health beware card) เป็นคิวอาร์โค้ดให้สแกนทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าว ซึ่งหลักๆ จะระบุว่าหากมีอาการ เช่น ไข้ มีตุ่มให้รายงานเข้าระบบและรีบไปพบแพทย์ในรพ.ที่ใกล้ที่สุด รวมถึงแจ้งประวัติการเดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ทราบด้วย


การเฝ้าระวังที่สถานพยาบาล  โดยหากพบผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัย คือมีอาการเข้าได้กับโรคและมีประวัติเดินทางจากประเทศเสี่ยงที่กำลังมีโรคนี้ระบาดข้างต้น ให้สถานพยาบาลเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจหาเชื้อ ซึ่งประเทศไทยสามารถตรวจเชื้อนี้ได้ แต่ยังทำได้ที่ส่วนกลางคือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และรายงานเข้าระบบการเฝ้าระวัง  อย่างไรก็ตาม  หากมีผู้ติดเชื้อเข้าในประเทศไทย อาจจะต้องมีกระจายให้ศูนย์ในต่างจังหวัดช่วยตรวจ


ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ว่า การติดเชื้อโรคฝีดาษลิงในคนสู่คน เกิดจากการสัมผัสแลกเปลี่ยนสารคัดหลั่ง ละอองฝอยน้ำลาย รวมถึงเลือด ดังนั้นกรณีที่มีแผลก็ทำให้ติดเชื้อได้ ฉะนั้น ความคิดว่าส่วนใหญ่จะติดเชื้อในกลุ่มคนรักร่วมเพศจึงไม่ถูกต้อง เพราะสามารถติดได้ในทุกคน เพราะเป็นการติดเชื้อในลักษณะใกล้ชิดกันมาก


มื่อถามต่อว่าจะต้องมีการปลูกฝีป้องกันฝีดาษใหม่หรือไม่ นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า  ยัง เพราะตอนนี้ทั่วโลกยังไม่มีวัคซีน smallpox มากขนาดนั้นแล้ว เพราะเป็นโรคที่ถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว จะมีเพียงบางประเทศที่ยังเก็บวัคซีนนี้ไว้ ในประเทศไทยไม่มี


กำลังมีการประสานงานหาวัคซีนอยู่ว่ามีประเทศใดเก็บไว้บ้าง หรือถ้าจะผลิตเพิ่มก็ต้องดูว่ามีบริษัทใดจะผลิตเพิ่มได้บ้าง เพราะคงต้องใช้เชื้อ ซึ่งเชื้อ smallpox เดิม มีแค่ 2 ประเทศที่เก็บไว้ คือ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย แต่ก็สามารถจำลองสายพันธุ์ออกมาทำวัคซีนได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวจริง ทั้งนี้ คนไทยที่เกิดก่อนปี 2523 จะได้รับการปลูกฝีป้องกันฝีดาษ (smallpox) ทุกคน  แต่ที่เกิดหลังจากปี 2523 จะไม่ได้รับวัคซีนนี้เพราะโรคฝีดาษถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว


ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยอมรับว่า ต้องมีการเฝ้าระวังแต่ขอให้อย่าตื่นตระหนกมากจนเกินไป


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7UrbcOOmVLM

คุณอาจสนใจ

Related News