นายกฯ ลงพื้นที่วงเวียนหลักสี่ ตรวจจุดติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ย้ำ ห้ามมีเครื่องไหนใช้การไม่ได้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจสอบการติดตั้งจุดระบายน้ำ เขตบางเขน เพื่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง โดยจุดนี้มีการสั่งเพิ่มเครื่องสูบน้ำ ขนาดอัตราการสูบ 28000 ลิตร/นาที ซึ่งทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้นำมาติดตั้งที่ริมถนน บริเวณวงเวียนหลักสี่


แผนการระบายน้ำจุดนี้ หลังติดตั้งเครื่องจะสูบน้ำบริเวณปากท่อระบายน้ำ จะมีการวางแนวท่อน้ำยาวประมาณ 50 เมตร เพื่อสูบน้ำและระบายลงท่อระบายน้ำเดิม ที่ห่างไป เนื่องจาก ด้านล่างมีการนำกระสอบทรายปิดกั้นเพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนกลับ


ทั้งนี้น้ำที่สูบออกจากฝั่ง เขตพื้นที่บางเขนจะถูก พลักดันผ่านประตูระบายน้ำคลองรางอ้อ รางแก้ว ที่ซอยพลโยธิน 63 ก่อนจะระบายลงสู่คลองลาดพร้าว มีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร


นอกจากนั่น พื้นที่ว่างบริเวณใกล้วงเวียนบางเขน 2400 ตารางเมตร ทางกรมทางหลวงได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่ร่วมกับทางกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำ ในการพัฒนาเป็นแก้มลิงรองรับน้ำได้ 6000 ลบ.ม. ซึ่งจะมีการเร่งปรับพื้นที่คาดจะแล้วเสร็จในปีนี้


ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ได้กำชับทาง กรุงเทพมหานครให้สำรวจความพร้อมของเครื่องมือ ห้ามให้มีจุดไหนที่เกิดปัญหาเครื่องสูบน้ำใช้การไม่ได้อีก หากติดขัด หรือต้องการการสนับสนุน ก็ขอให้ประสานเข้ามา เพราะรัฐบาลเองก็มีหลายหน่วยงานที่สามารถสนับสนุนได้ ทั้ง ปภ. หรือหน่วยอื่นๆ


ด้าน นายสมศักดิ์ มีอุดมศักดิ์ ผู้อำนวยสำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ยอมรับช่วง 2 วันที่ผ่านมา เกิดน้ำท่วมขังมากถึง 19 จุด ทั้งนี้เป็นผลจากมีปริมาณฝนตกเกิน 100 มิลลิเมตร ทำให้มีน้ำเอ่อล้นรอการระบาย


แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็คลี่คลายลง ทางสำนักการระบายน้ำได้เตรียมความพร้อมรับมือกับฝนที่จะตกลงมาต่อเนื่องจนถึง วันที่ 23 พฤษภาคมแล้ว โดยกรุงเทพมหานคร มีจุดที่ท่วมซ้ำซากอยู่ทั้งหมด 24 จุด มีการแก้ไขปัญหาไปแล้ว 15 จุด ตอนนี้เหลือเพียง 9 จุดที่ยังต้องเฝ้าระวัง จึงได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ และเครื่องมือ เช่น เครื่องสูบน้ำตามจุดต่าง ๆ เพื่อระบายน้ำลงสู่คลองหลัก เช่น คลองเปรมประชากร คลองแสนแสบ และคลองลาดพร้าว


หากปริมาณฝนตกในพื้นที่กรุงเทพเป็นตามพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุจะมีฝนตกประมาณ ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ การระบายจะยังทำได้ดีในทุกจุด


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในช่วงนี้ ยังคงต้องเฝ้าติดตามปริมาณน้ำฝนที่จะตกในแต่ละวันรวมถึงปัจจัยสภาพภูมิอากาศอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลง