ครม.เห็นชอบหลักการ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' เล็งส่งกฤษฎีกา ตีความใช้เงินธ.ก.ส.

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว ส่วนรายละเอียดในการปฏิบัติทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไปทำรายละเอียด โดยมีการคำนวณไทม์ไลน์​แล้วคาดว่าจะทันลงทะเบียนในไตรมาส​ 3 ปีนี้ ขณะที่ประเด็นเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายกรัฐมนตรีได้สั่งในที่ประชุมให้ทำเรื่องอย่างเป็นทางการสอบถามกฤษฎีกาเพื่อให้สิ้นข้อสงสัย​



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมนำแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และเลขากฤษฎีกา ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต



โดยนายรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบผลการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงและความเห็นของคณะทำงาน ได้เห็นชอบหลักการกรอบโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งเรื่องกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าร่วมโครงการ แนวทางเข้าร่วมโครงการของประชาชน เงื่อนไขการใช้จ่าย ประเภทสินค้า การลงทะเบียนร้านค้า รวมถึงแหล่งเงินในการดำเนินโครงการ ซึ่งกระทรวงการคลัง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. และสำนักงบประมาณ จะศึกษารายละเอียดต่อไป



ส่วนข้อห่วงใยใดๆเช่นประเด็นอำนาจหน้าที่ของ ธกส. ได้สั่งการหากมีประเด็นข้อสงสัยใดๆให้ส่งเรื่องไปสอบถามยังกฤษฎีกา ซึ่งทุกๆพรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบในหลักการของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตดังกล่าว



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวจบ สื่อมวลชนกำลังเตรียมจะซักถาม นายกฯได้รีบตัดบทจบการแถลงข่าวเรื่องเงินดิจิทัลทันที ทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถึงกับหัวเราะ และต่างเดินแยกย้ายกันกลับ



จากนั้นนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงเพิ่มเติมเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตถึงเหตุผลที่ยังไม่กำหนดวันชัดเจนในการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขึ้นอยู่กับการพัฒนาระบบ โดยเฉพาะเรื่องความเสถียรของแอบพลิเคชัน ความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลของประชาชนและราชการ รวมถึงการทำตัวเลขต่างๆต้องมีความมั่นคงและปลอดภัย แต่ยืนยันตามกรอบเดิมลงทะเบียนในไตรมาส 3 และเปิดใช้ในไตรมาส 4 รวมทั้งย้ำว่าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.มีความมั่นคงและรัฐบาลถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์



สำหรับหลักการเบื้องต้นของโครงการเรื่องเงื่อนไขผู้ที่ได้รับเงินจำนวน 50 ล้านคน​ อายุ 16 ปีขึ้นไป​ มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 840,000 บาท​ มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท และจะต้องมีการลงทะเบียนผ่าน Application บน Smartphone