สังคม

สาวอัดคลิปเสียงคุย 'ปริญญ์' ยอมรับเคยได้เงินจริง แต่ครั้งแรกไม่ได้ยินยอม เพิ่งรู้มีเหยื่อโดนเพียบ

โดย thichaphat_d

19 เม.ย. 2565

11 views

จากคลิปลับที่ ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด เปิดออกมาเมื่อคืนวันที่ 17 เม.ย. 2565 ซึ่ง ชายในคลิปที่เสียงคล้าย 'ปริญญ์ พานิชภักดิ์' เวลาคุยกันโทรศัพท์ลับหลังกับสาว ผู้เสียหายอีกคน โดยฝ่ายชาต่อว่าฝ่ายหญิงว่า กำลังซ้ำเติม อยากเห็นคนฆ่าตัวตายหรือ พร้อมทั้ง บอกว่าเป็นเกมการเมืองของพรรคก้าวไกล


เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) ทีมข่าวได้พูดคุยกับเพิ่มเติมกับหญิงวัย 26 ปี (เหยื่อรายที่ 6) ที่ระบุว่า เป็นคนอัดคลิปเสียง ที่ทนายตั้มนำมาเผยแพร่ ยอมรับว่า เธอบันทึกไว้เมื่อประมาณวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากเห็นข่าว


เธอเล่าว่า เริ่มรู้จักกับชายที่เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรครายนี้ปี 63 ที่งานอบรม และฝ่ายชายเป็นวิทยากร นัดไปเจอที่รูฟท็อป ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นร้านเดียวกับหญิงอายุ 18 ก่อนจะถูกลวนลามที่โต๊ะ ทั้งขอดูลายมือ ลูบแขน


จนผ่านมาถึงช่วงกลางปี 64 ที่ตนติดต่อไปขอคำแนะนำด้านการเงินการลงทุน ก่อนที่ฝ่ายชาย จะออกอุบายให้มาคุยที่ออฟฟิศ ก่อนที่จะก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศตนเอง


โดยในวันที่อัดคลิป ยอมรับว่ากลัว กว่าจะเริ่มอัดคลิปได้ต้องรออยู่ 4-5 ชั่วโมงว่าจะเอายังไงดี แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ทำ เธอจะเสียใจกว่านี้ ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจอัดคลิป ยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจแฉ แต่ดูท่าทีตั้งแต่สัมภาษณ์ และเห็นมีเหยื่อออกมาเรื่อยๆ มันทำอะไรเขาไม่ได้ และเธอก็พอเดานิสัยฝ่ายชายได้ว่า จะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนเพื่อเอาผิด เลยอยากทำอะไรที่ช่วยเหลือผู้หญิงด้วยกัน เพื่อมายืนยันว่าเขามีพฤติกรรมเช่นนั้นจริงๆ


หลังจากคลิปเผยแพร่ออกมา ส่วนตัวรู้สึกโล่งใจ ว่าทำเสร็จสิ้นแล้ว ได้พูดไปหมดแล้ว แต่ความรู้สึกที่มันยังรู้สึกเจ็บแทนเหยื่ออยู่ และรู้สึกเจ็บช้ำกับตัวเองอยู่เหมือนกัน


บางช่วง ผู้เสียหายรายนี้ บอกว่า หนูไม่ใช่เหยื่อ พร้อมยอมรับว่าเธอรับเงินจากชายรายนี้ไปแล้วโดยได้เป็นรายเดือน เดือนละ 5 หมื่นบาท แต่ฝ่ายชายขอต่อรองเหลือ 3 หมื่นบาท


หญิงรายนี้บอกว่า หนูไม่อยากรู้สึกว่า มันไม่แฟร์กับเขา ถ้าเราออกมา ก็ต้องแฟร์กับเขาว่าเราไม่ได้ยินยอมครั้งแรก แต่เรายอมรับเงินเขา ซึ่งไม่ได้เป็นเหยื่อ ผู้สื่อข่าวจึงถามกลับไปว่า ถ้ามองแบบนี้ ก็เป็นเหยื่ออยู่ดี หญิงรายนี้ตอบว่า เขาจะได้พูดไม่ได้ว่า ก็หนูรับเงินเขา ที่ตัดสินใจมาวันนี้ หนูก็เลยพูดทุกอย่าง เพื่อมายืนยันว่า เขามีพฤติกรรมแบบนั้นจริงๆ


โดยฝ่ายชายเสนอให้เมื่อปี 64 หลังก่อเหตุ โดยวันนั้นฝ่ายชายถามว่า จะให้พี่ทำยังไง ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่า เธอกับฝ่ายชายอยู่ในบริบทไหนกับเขา และที่ผ่านมา ที่ไม่ได้แจ้งความ เพราะตนไม่คิดว่าฝ่ายชายจะทำกับผู้หญิงเยอะขนาดนี้ ตนคิดว่าโดนคนเดียว ทำกับตนคนเดียวก็เลยยอม แต่ถ้าวันนั้นรู้ว่าทำแบบนี้กับหลายคน ก็ไม่ยอมหรอก


ส่วนตัวไม่มีอะไรที่ต้องพูดกับเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกัน ถ้าอยากจะฝากบอกก็คือไม่ได้ต้องการจะซ้ำเติม ดิสเครดิต ในวันที่เขาแย่ หรือตกต่ำ พร้อมถามกลับว่า แล้วผู้หญิงอีกหลายคนหล่ะ ตนเองก็แค่มา ซัพพอร์ตผู้หญิงด้วยกัน


ด้าน ทนายตั้ม ชี้แจงหลังออกมาเปิดเผยข้อมูล ท่ามกลางกระแส มีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ เมื่อวานนี้ ระหว่างพาผู้เสียหายแจ้งความ ทนายตั้ม เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้เสียหายแต่ละคนไม่รู้จักกันมาก่อน และแต่ละคนเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กัน ซึ่งก่อนจะพามาแจ้งความก็ได้สอบถามข้อมูลและตรวจสอบรายละเอียดมาแล้ว ไม่ได้เชื่อทันทีกับคำให้การผู้เสียหาย


ยืนยันว่า ไม่กลัวการฟ้องกลับ เพราะผู้เสียหาย ทุกคนมั่นใจให้ตนมาดำเนินคดี ถ้าตนกลัวคนอื่น ก็เสียขวัญ แต่ยอมรับว่าสับสนบ้าง เพราะผู้เสียหายเยอะ แต่พฤติการณ์ส่วนใหญ่คือพาไปคุยที่ร้านอาหารและพาไปขืนใจที่ห้อง บางรายนักการเมืองคนนี้ ก็ถึงขั้นก้มกราบเท้า ขอให้ผู้เสียหาย ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย


ส่วนเรื่องตำรวจยศพันตำรวจเอก จะให้เงินปิดปากผู้เสียหายนั้น ยังไม่มีข้อมูลมา แต่จากข้อมูลของตนเองพบว่าเป็นนายตำรวจยศพลตำรวจตรี ซึ่งเรื่องนี้ได้ให้ผู้ใหญ่ตรวจสอบแล้ว


ส่วนคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ สนทนากับผู้เสียหาย และมีช่วงหนึ่งระบุว่า การที่โดนดำเนินคดี เป็นเพราะขบวนการของพรรคก้าวไกลที่จะดิสเครดิตนั้น ทนายตั้ม ยืนยันไม่รู้จักกับคนในพรรคก้าวไกล และตนไม่ได้ประโยชน์อะไร ไม่มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง จนถึงขณะนี้ผู้เสียหายที่แจ้งความไป ยังไม่มีใครถอนแจ้งความ


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลยังไม่พบว่ามีคนภายในพรรคที่ผู้ต้องหาเคยสังกัดอยู่เข้ามาให้การช่วยเหลือ แต่อยากเตือนไปถึงผู้ที่เตรียมให้การช่วยเหลือหรือกำลังให้การช่วยเหลืออยู่ในขณะนี้ หากพบว่าเป็นคนภายในพรรคการเมืองดังกล่าว ใครจะกล้าช่วย และใครจะช่วยเหลือทางคดี ก็ขอให้หยุดพฤติกรรม


 ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผู้ต้องหามีประวัติอาการทางจิตและประสาท จนอาจจะมีผลต่อรูปคดีนั้น เชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติการรักษาอาการทางจิต แต่ไม่น่านำมาเป็นข้ออ้างในการต่อสู้คดี

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/XL8XwhnXwm0

คุณอาจสนใจ

Related News