สังคม

หมอศิริราช เผยผลศึกษา ซิโนแวค 2 เข็ม บูสต์เข็ม 3 รับโอมิครอนไม่ไหว แนะเร่งฉีดเข็ม 4 mRNA

โดย nicharee_m

31 ธ.ค. 2564

526 views

เมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดประเทศ วันที่ 1 พ.ย.- 29 ธ.ค.2564 ตรวจพบ สายพันธุ์โอมิครอนสะสม 934 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 577 คน และติดเชื้อในประเทศ 357 คน

โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 194 คน แบ่งเป็นมาจากต่างประเทศ 88 คน ติดเชื้อในประเทศ 106 คน ขณะนี้พบเชื้อโอมิครอนทุกเขตสุขภาพแล้ว แนวโน้ม พบการติดเชื้อในประเทศเพิ่มมากขึ้นกว่าผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากการเดินทางเข้าประเทศเริ่มชะลอตัว

กรณีที่มีผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลว่า ผู้ที่รับวัคซีนโควิดครบ 2 เข็ม การติดเชื้อโอมิครอนที่ความรุนแรงลดลงจากเดลตา จะเป็นเหมือนการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว เนื่องจากเราทราบดีว่า การสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเกิดขึ้นจาก 2 ทาง คือ ฉีดวัคซีน และหลังจากติดเชื้อ หมายความว่า หากคนที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มเป็น primary vaccine แล้วเกิดการติดเชื้ออาการก็จะไม่รุนแรง แล้วเมื่อหายก็จะเกิดภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติขึ้น ซึ่งก็จะเหมือนกระตุ้นภูมิ ในร่างกาย

“แต่จะเอาภูมิที่เกิดจาก 2 กรณีนี้มาเทียบกันไม่ได้ว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกับติดเชื้อแล้ว อันไหนจะกระตุ้นภูมิได้สูงกว่า เพราะผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ก็ยังสามารถติดโอมิครอนได้ แต่แน่นอนว่าหากรับวัคซีนแล้ว ความรุนแรงของโรคจะลดลง จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงขอให้ทุกคนมารับวัคซีน โดยเฉพาะเข็ม 1 และ 2 ส่วนผู้ที่รับครบ 2 เข็มแล้ว เรายืนยันว่าการกระตุ้นภูมิฯ ด้วยวัคซีน ดีกว่ากระตุ้นด้วยการติดเชื้อแน่นอน” นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน แถลงมาตรการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ภาพรวมโควิด-19 ในระดับโลก พบติดเชื้อรายใหม่วันเดียวถึง 1.49 ล้านราย สะสม 284.7 ล้านราย ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่ 6,362 ราย สะสม 5.4 ล้านราย โดยประเทศที่ติดเชื้อสูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา พบติดเชื้อใหม่ 4.5 แสนราย สะสม 54 ล้านราย เสียชีวิตใหม่ 1,436 ราย สะสม 8.4 แสราย โดยประเทศฝรั่งเศส พบติดเชื้อใหม่สูงถึง 2 แสนราย สะสม 9.5 ล้านราย ขณะที่อังกฤษ ที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ติดเชื้อราย 9 หมื่นราย แต่วันนี้พบถึง 1.8 แสนราย สะสม 12.5 ล้านราย แต่ผู้เสียชีวิตเพียง 57 รายเท่านั้น

ด้าน นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ประเด็นความสนใจเกี่ยวกับเชื้อโอมิครอน ขอยกเส้นกราฟจากแอฟริกาใต้ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดตั้งแต่ปี 2563 ใน 3 ระลอก จะเห็นว่าในแต่ละระลอกคลื่นจะมีผู้เสียชีวิตขยับสูงขึ้นสอดคล้องกันกับตัวเลขติดเชื้อ แต่เมื่อมาถึงระลอกโอมิครอน ปรากฎว่าตัวเลขติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นระลอกสูงกว่าเดลต้า แต่ตัวเลขเสียชีวิตกลับไม่เพิ่มขึ้น

“ทั้งนี้ แอฟริกาใต้เจอเชื้อโอมิครอน กลางเดือนพฤศจิกายน 2564 จนถึงขณะนี้จะเห็นว่าการติดเชื้อพ้นจุดสูงสุดแล้ว เป็นการแพร่กระจายที่ไว และมีโอกาสเป็นไปได้ที่ถึงจุดสูงสุดเร็วและเป็นไปได้ว่า จะผ่านพ้นไปได้เร็ว ขณะเดียวกัน อังกฤษ ก็ติดเชื้อสูงแต่ผู้เสียชีวิตก็ไม่ได้สูงขึ้นตาม จากข้อมูลแอฟริกาใต้ค่อนข้างมั่นใจว่าโอมิครอนไม่ทำให้อาการหนักหรือเสียชีวิตในเปอร์เซ็นต์ที่สูง แต่ต้องติดตามต่อไป ยังไม่ด่วนสรุป” นพ.เฉวตสรร กล่าว

ขณะเดียวกัน ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน กลุ่มที่เป็นห่วงมากที่สุดคือเด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการและอาหารได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างสำรวจความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครองโดยกระทรวงศึกษาธิการ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ 2565 นี้

ในระหว่างที่รอการฉีดวัคซีนจึงขอให้ผู้ปกครองเคร่งครัดมาตรการป้องกันส่วนบุคคลขั้นสูงสุด ขณะเดียวกันได้สั่งการโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง รวมถึงประสานเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ให้เตรียมความพร้อม ทั้งเตียง ยา วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ รองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้มากที่สุดหากเกิดกรณีมีการติดเชื้อจำนวนมาก

ด้าน ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊กระบุ

“ผู้ที่เคยได้ CoronaVac ครบ 2 เข็ม แล้วได้รับ Pfizer vaccine booster เข็มสาม ก็อาจรับมือ Omicron ไม่ได้

ข่าวไม่ดีเท่าไหร่ครับ การศึกษาเผยแพร่ใน preprint เมื่อวานนี้โดยทีมนักวิจัยจาก Yale ทำการทดสอบภูมิคุ้มกันจากประชาชนชาว Dominican ซึ่งได้รับวัคซีนเชื้อตาย CoronaVac 2 เข็ม และได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มสามเป็น Pfizer vaccine นำมาวัดระดับ antibody และทดสอบ live virus neutralization assay กับเชื้อ original strain, Delta variant และ Omicron variant

พบว่าระดับ antibody ของผู้ที่ได้วัคซีน 3 เข็มมีระดับสูงกว่าคนที่ได้ Pfizer vaccine ครบ 2 เข็มเพียง 1.4 เท่า และเมื่อทดสอบ neutralizing antibody กับเชื้อ 3 สายพันธุ์พบว่าระดับ antibody นั้นรับมือ original strain และ Delta ได้ แต่ไม่เพียงพอกับการยับยั้ง Omicron

นอกจากนี้การทดสอบเทียบระหว่างคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนกับคนที่ไม่เคยติดเชื้อเลย แล้วได้วัคซีนครบ 3 เข็ม พบว่าระดับ antibody แทบไม่ต่างกัน หมายความว่าการได้รับ CoronaVac + Pfizer booster ไม่เห็น hybrid immunity หรือ super-immune แบบที่เกิดกับการได้รับ mRNA vaccine 3 เข็มที่มีการศึกษามาก่อนหน้านี้

ผลสรุปจากการศึกษานี้ ทำให้บ้านเราอาจต้องปรับแผน booster เพื่อรับมือ Omicron ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ที่ส่วนใหญ่ได้วัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม และได้ booster เข็มสาม (ไม่ว่าจะเป็น Pfizer หรือ AZ) ไปนานกว่า 4 เดือนแล้ว จำเป็นต้องรีบฉีดเข็มที่ 4 เป็น mRNA vaccine ส่วนประชาชนที่ได้วัคซีนสูตรที่มีเชื้อตายเป็นส่วนประกอบ (CoronaVac หรือ Sinopharm) อาจจำเป็นต้อง boost ด้วย mRNA vaccine 2 เข็ม แทนที่จะเป็นเข็มเดียวครับ

สำหรับการไม่พบปรากฏการณ์ hybrid immunity/super-immune ในการศึกษานี้ น่าจะเป็นเพราะทราบกันดีว่าวัคซีนเชื้อตาย กระตุ้นภูมิได้ไม่ดี โดยเฉพาะ cellular immunity ซึ่งกระตุ้นได้น้อยมาก ต่างจาก viral vector หรือ mRNA vaccine



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/UR41Mhy4K60

คุณอาจสนใจ

Related News