รปภ. หัวร้อนด่ากราดสาว โวยเป็นตุเป็นตะทำรถเป็นรอย ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กเจ๊ม้อยv plus ได้โพสต์เรื่องราว พร้อมข้อความระบุว่า ขอระบายนิดนึงค่ะ คืออะไร อยู่อยู่มาบอกเราเป็นคนไปชนรถเขาทั้งทั้งที่เราไม่ได้ขับมอเตอร์ไซค์มาเดือนกว่าแล้ว มีแต่ขยะที่จอดและเอาผ้าคลุมไว้เพราะกลัวฝุ่นเกาะจอดใกล้จำเป็นด้วยหรอว่าต้องเป็นคนทำรถของคุณเป็นรอย มากล่าวหาการทั้งทั้งที่ไม่มีหลักฐานและข่มขู่ แถมยังเหมือนเมา

พร้อมคลิปวิดีโอ คนถ่ายเป็นหญิง โดยในคลิปจะ ยืนอยู่สี่คนฝั่งคู่กรณีสองคนฝั่งตนสองคน ชายคนดังกล่าวกำลังยืนต่อว่า พูดจาหยาบคายใส่ผู้หญิงคนดังกล่าว และพูดจาทำนองว่าทำรถเขาเป็นรอย มีรถของคุณอยู่คันเดียวที่มาจอดข้างๆแล้วจะเป็นรถใครได้ ที่ทำให้รถของเขาเป็นรอย ส่วนหญิงผู้ถ่ายคลิปพยายามบอกว่ารถไม่ได้ใช้จอดมาเป็นเดือนแล้วจะไปโดนได้อย่างไร และยังถูกชายคนดังกล่าวด่าทอว่า “ตอแ…ล” อีกด้วย

ทีมข่าว ลงพื้นที่ ลาดกระบัง ซอยหลวงแพ่ง 4/1 สัมภาษณ์ นางสาว เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย หลังจากที่ทีมข่าวเดินทางมาถึงพบว่า นางสาวเอและแฟนกำลังขนของย้ายออกจากหอพักดังกล่าว เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัยจึงตัดสินใจลางานเพื่อที่จะย้ายออกไปอยู่หออื่น เพื่อหลีกเลี่ยง คู่กรณี คนดังกล่าว

โดยนางเอ เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อคืน หลังจากเลิกงานกลับมาที่หอพักกับแฟน ช่วงเวลา 19.00น. มีชายคนในหอพักเดียวกันยืนดักรอตนอยู่บริเวณหน้าหอพัก พอตนมาถึง ชายคนดังกล่าวได้ตะโกนต่อว่าและกล่าวหาว่าตนเป็นคนทำรถมอเตอร์ไซค์ของเขาเป็นรอยบริเวณสติ๊กเกอร์ข้างรถ ตอนนั้นตนรู้สึกตกใจมาก และพยายามใจเย็น ตนบอกว่าตนไม่ได้ทำ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม ด่าว่าตนตลอดเวลา จนแฟนเขาที่มาด้วยช่วยห้าม

ตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำเพราะช่วงที่ผ่านมาตนจอดรถมอเตอร์ไว้ที่หอพักตลอด ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์มานานแล้ว จะใช้รถยนต์ออกไปทำงานตลอด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้วันนี้ตนต้องลางานเพื่อที่จะย้ายของออกจากหอพักและไปอยู่ที่อื่นเนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยและรถยนต์ หลายคนบอกว่า เขาทำงานเป็น รปภ. และเคยมีเรื่องลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ตนไม่ได้เอาความใดๆ และไม่ได้แจ้งความไว้ ตัดสินใจเลี่ยงและย้ายออกดีกว่าเพราะไม่อยากมีปัญหาภายหลัง

พี่ รปภ คนนี้ถือว่าโชคดีมากที่เคาไม่เอาความ เพราะถ้าเอาความ สามารถไปแจ้งความ เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่ง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ