นายกฯโชว์วัคซีนพาสปอร์ต หลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ครบ 2 เข็ม ชวน ปชช.ฉีดวัคซีนช่วยชาติ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 ที่สถาบันบำราศนราดูร หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ซึ่งมีระยะห่าง 10 สัปดาห์ โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ฉีดวัคซีนให้กับนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในวัคซีนทั้ง 2 ชนิดที่ไทยมีอยู่ เนื่องจากมีการตรวจสอบ ความปลอดภัยและมาตรฐานของสาธารณสุขแล้ว ตนขอให้ประชาชนฉีดวัคซีนและมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน

โดยนายกรัฐมนตรียอมรับว่าการฉีดวัคซีนนั้นมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต ซึ่งควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งหลังการฉีดวัคซีนก็จะมีการให้พักคอยและสังเกตอาการ โดยหากพบว่ามีอาการก็จะมีทีมแพทย์คอยให้การดูแล ซึ่งตนได้มอบหมายให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. คอยให้ข้อมูล โดยจะมุ่งฉีดวัคซีน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งพื้นที่ที่รัฐบาลและรัฐบาล จัดจุดไว้ฉีดวัคซีน

นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า จะต้องมีการพิจารณาการกระจายวัคซีนใหม่ ตามการแพร่ระบาดของโรค ว่าพื้นที่ใดควรได้วัคซีนมากน้อย ขีดความสามารถในการกระจายวัคซีน พร้อมย้ำว่าประชาชนทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนนั้นมั่นใจ และทำความเข้าใจ ขออย่าเชื่อข่าวบิดเบือนเมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไข ยอมรับว่าไม่มีอะไรเป็นสูตรตายตัว

จากนั้น อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้มอบวัคซีนพาสปอร์ตให้กับนายกฯ และที่ใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ โดยแนบกับหนังสือเดินทางเพื่อเป็นการยืนยันว่าปราศจากเชื้อโควิดและได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 โดส ขณะที่นายกฯได้โชว์พาสปอร์ตให้กับสื่อมวลชน โดยนายกฯย้ำว่า ยังต้องมีการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการสาธารณสุข

พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหน้ากากอนามัยผ้าที่มีข้อความว่า #l got my shot(DDC) #ฉีดช่วยชาติ และสัญลักษณ์ ชู 2 นิ้ว ที่หมายถึงชัยชนะหรือสู้ๆ ให้กับนายกฯ