สังคม

ตร.ขอบคุณโหนกระแส หลักฐานมัดตัว ‘ป้าแอน’ ขุดประวัติโดนคดีลักทรัพย์อื้อ

11 ชั่วโมงที่แล้ว

124 views

พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางมาร่วมสอบปากคำป้าแอนด้วยตัวเอง พร้อมกับตัวพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาพกล้องวงจรปิด เมื่อตำรวจนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจะพบพฤติกรรมของป้าแอนที่ผิดวิสัยของแม่บ้านทั่วไป ส่อเจตนาหวังผลบางอย่าง ซึ่งวงจรปิดช่วงเวลาที่ผู้เสียหายกำลังพาลูกออกไปโรงพยาบาล ตัวป้าแอน หลบซ่อนอยู่ในห้องเก็บของ และผู้เสียหายยืนยันว่า จุดนี้จะได้ยินเสียงพูดคุยต่างๆในบ้าน จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ป้าแอนจะไม่ได้ยินว่าในบ้านกำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น

แต่ป้าแอนไม่ยอมออกมารอจนกว่า คนอื่นๆ จะออกจากบ้านไปแล้ว จึงออกจากห้องเก็บของและพยายามเปิดกลับเข้าไปในตัวบ้าน แต่ประตูบ้านของผู้เสียหายเป็นประตูดิจิตอล Door lock ต้องใช้รหัส จึงไม่สามารถเข้าไปได้ จากนั้นป้าแอน จึงออกจากบ้านไปเพราะผู้เสียหายเริ่มรู้ตัวแล้วว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นจากตัวป้าแอน

พลตำรวจตรี วิทวัฒน์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งส่วนหนึ่งต้องขอบคุณรายการโอนกระแสและพี่หนุ่ม กรรชัย ที่ช่วยให้ตำรวจนั้นทำงานง่ายขึ้น เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาป้าแอน ในคดีทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย แก่กายและจิตใจ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาปลอมปนอาหาร จากกรณีผสมสารฆ่าเชื้อในนมให้เด็กอายุ 2 ขวบรับประทาน โดยผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ตำรวจจึงต้องควบคุมตัวไว้ก่อน และในขณะเดียวกันผู้เสียหายอีกรายที่โดนขโมยของได้เข้าไปให้ปากคำและแจ้งความดำเนินคดีกับป้าแอนที่ สน.ประเวศ ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อเพิ่มข้อหาและเตรียมส่งฟ้องในคราวเดียวกัน เมื่อคืนที่ผ่านมา ป้าแอนจึงต้องถูกควบคุมตัวไว้ก่อนที่ สน.บางโพงพาง และเตรียมส่งฟ้องฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่าผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในโรงพยาบาลศิริราช เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ขณะไปทำงานเป็นแม่บ้าน และถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก แต่ให้รอลงอาญา นอกจากนี้ ปรากฎว่า ในเดือนสิงหาคม 2568 ผู้ต้องหายังเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในคอนโดย่านอ่อนนุช และล่าสุดคือกรณีของคุณหยกที่ผู้ต้องหาผสมยาฆ่าเชื้อในนมให้เด็ก 2 ขวบกิน

พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ยังบอกว่า ได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา จำนวน 2 เครื่อง เพื่อนำไปตรวจสอบข้อมูลการติดต่อและพฤติกรรมย้อนหลัง ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับคดีอื่นเพิ่มเติม

พร้อมกันนี้ ตำรวจขอให้ผู้เสียหายรายใดที่เคยถูกผู้ต้องหารายนี้กระทำในลักษณะเดียวกัน เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/w6uigqja0bA

คุณอาจสนใจ

Related News