สังคม

เจ้าอาวาสโต้ยืมโยม 9 ล้าน ไม่มีสัญญาถือเป็นเงินทำบุญ อดีตลูกศิษย์ลั่นหัวหมอ แฉวีรกรรมยักยอกเงิน

โดย paweena_c

5 ก.ย. 2567

244 views

หญิงวัย 57 ปี ร้องเพจสายไหมต้องรอด ถูกเจ้าอาวาสวัดดัง ในจังหวัดปทุมธานี ยืมเงินเกือบ 10 ล้านบาท แต่ไม่ยอมใช้คืน แถมบอกให้ไปยึดทรัพย์สินในวัด รวมถึงโบสถ์ เพื่อเป็นการใช้หนี้แทน

จากกรณีที่นางกฤษณา อายุ 57 ปี มาขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังถูกพระครูสมบูรณ์ สิริปุญโญ เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม ซึ่งอยู่ที่ย่านลำลูกกาคลอง 13 ยืมเงินเกือบ 10 ล้านบาท แต่บ่ายเบี่ยงใช้คืนไม่ครบ แถมยังบอกว่าให้ไปยึดโบสถ์ เพื่อเป็นค่าใช้หนี้แทน

โดยผู้เสียหายบอกว่า ตนรู้จักกับเจ้าอาวาสรูปนี้มานานกว่า 20 ปี เพราะที่บ้านเป็นโยมอุปัฏฐากวัดดังกล่าวมาตั้งแต่รุ่นพ่อจึงมีความคุ้นเคยกับวัดและรู้จักเจ้าอาวาสมานาน

กระทั่งปี 2552 เจ้าอาวาสได้บอกกับตนว่าอยากจะขอยืมเงินเพื่อมาบูรณะและซ่อมแซมวัด ตนก็เลยให้ยืมเงินด้วยความศรัทธา โดยแต่ละครั้งที่ยืมมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน โดยทั้งเอาเงินสดไปให้ที่กุฎิ และโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส

ซึ่งเจ้าอาวาสอ้างว่า หากโอนเข้าบัญชีวัดจะยุ่งยาก และยังบอกว่าหากได้เงินกฐิน หรือเงินผ้าป่า ก็จะใช้คืน

โดยแต่ละครั้งที่ให้ยืมเงินตนก็มีความหวังว่าจะได้เงินคืน เพราะเชื่อในคำพูดของเจ้าอาวาส แต่เมื่อทวงถามก็จะถูกบ่ายเบี่ยงและมีข้ออ้างสารพัด ถึงขนาดบอกว่าให้ไปยึดของมีค่าในวัดเช่นแจกัน วัตถุโบราณ และหนักสุดถึงขั้นโยนกุญแจโบสถ์มาให้ บอกให้ตนยึดโบสถ์ไปเลย ซึ่งตนก็สงสัยว่าตนสามารถยึดโบสถ์ได้หรือไม่ ที่สำคัญก่อนหน้านี้ตนยังเคยถูกเจ้าอาวาสทำร้ายด้วยการถีบและบีบคอ

ที่ผ่านมาเจ้าอาวาสเคยโอนเงินคืนให้บ้าง แต่ก็นาน ๆ ครั้ง และโอนมาแต่ละครั้งก็หลักพัน ซึ่งตนจำตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ แต่มั่นใจว่าจนถึงวันนี้เวลาผ่านมามากกว่า 10 ปี ได้เงินคืนไม่ถึง 3 หมื่นบาทอย่างแน่นอน

จนวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าอาวาสรูปนี้ได้เขียนหนังสือด้วยลายมือของเจ้าอาวาสระบุว่า หากเจ้าอาวาสมรณะภาพ จะยกทรัพย์สินและทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเจ้าอาวาสทั้งหมดให้กับตน และเจ้าอาวาสก็ยังลงลายมือชื่อกำกับไว้ในเอกสารด้วย

ต่อมาตนได้ไปร้องเจ้าคณะอำเภอและได้มีการทำหนังสือบันทึกข้อความ เมื่อวันที่ 18 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าเจ้าอาวาสจะชดใช้หนี้จำนวน 9 ล้าน 2 แสนบาท ให้กับตน และจะชดใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้อีกคน จำนวน 2 แสน 3 หมื่นบาท โดยกำหนดชดใช้ภายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ตนและพี่ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อีกคนก็ไม่ได้เงินตามที่ตกลง

ยอมรับว่าตอนนี้เครียดมากถึงขนาดเคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะเงินทั้งหมดเป็นเงินมรดกตกทอด ที่ตนตั้งใจจะเก็บไว้ แต่ก็มาถูกเจ้าอาวาสรูปนี้ยืมไปจนหมด

ส่วนประเด็นเรื่องโบสถ์ ตอนนั้นตนคิดว่าสามารถยึดได้เพื่อมาใช้หนี้ โดยตั้งใจว่าหากได้โบสถ์มาก็จะเก็บเงินจากญาติโยมที่นำบุตรหลานมาบวชตามกำลังศรัทธา ซึ่งที่ตนคิดแบบนี้เพราะตนไม่รู้กฎหมาย และไม่รู้ว่าทำได้หรือไม่ จึงหลงเชื่อเจ้าอาวาส

ขณะที่พระครูสมบูรณ์ สิริปุญโญ กล่าวว่า ตนรู้จักกับคู่กรณีมาประมาณ 13 ปี โดยคู่กรณีมาทำบุญที่วัดเป็นประจำ พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ยืมเงินคู่กรณีอย่างที่ถูกกล่าวหา เพราะหากยืมเงินต้องมีเอกสารการกู้ยืมเงินมายืนยัน จะมาพูดลอย ๆ แบบนี้ไม่ได้

ส่วนเงินที่มาทำบุญคู่กรณีก็นำมาทำบุญเอง ส่วนประเด็นที่คู่กรณีอ้างว่าอาตมาได้ยื่นกุญแจโบสถ์เพื่อเป็นการค้ำประกันเงินกู้นั้นมันไม่เป็นความจริงอีกทั้งโบสถ์ก็ไม่มีกุญแจ

เรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการบีบบังคับอาตมา ทั้งที่ไม่มีสัญญากู้เงินมายืนยัน ซึ่งที่ผ่านมาอาตมาก็อดทนมาตลอด แต่คู่กรณีก็ไม่ยอมหยุด นอกจากนี้อาตมาขอยืนยันว่าไม่เคยถีบหรือทำร้ายคู่กรณีอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง โดยเหตุการณ์วันนั้น คู่กรณีได้เข้ามาหาอาตมา อาตมาจึงใช้เท้ายันเพื่อไม่ให้เข้ามาใกล้ จากนั้นคู่กรณีที่จับหัวอาตมาโขกกับม่านบังตา จนบ่านบังตาหัก

ล่าสุดทีมข่าวอาชญากรรมช่อง 3 ได้พูดคุยกับคุณก๊อง ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์คนสนิทของเจ้าอาวาส โดยคุณก๊องเปิดเผยว่า อยู่รับใช้เจ้าอาวาสมานานกว่า 20 ปี ตนมีหน้าที่เบิกเงิน ถอนเงิน ให้กับเจ้าอาวาส รวมถึงดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบูรณะวัด

จนเมื่อปี 2556 เจ้าอาวาสได้ให้ตนไปฝากเงินให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง โดยตอนแรกให้โอนเดือนครั้งละ 1 ถึง 2 หมื่นบาท ต่อมาได้ให้ตนโอนถี่ขึ้นเป็นอาทิตย์ละครั้ง เป็นเวลาต่อเนื่องนานหลายปี จนตนอดสงสัยไม่ได้ว่าโอนให้ใคร จึงไปถามเจ้าอาวาสแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ

ทั้งนี้เท่าที่ตนสังเกตุเจ้าอาวาสได้มีญาติโยมมาหาหลายคน ซึ่งเท่าที่ตนทราบคือจะมาพูดเรื่องการหยิบยืมเงิน ส่วนเรื่องของป้ากฤษณา ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอดและยืนยันเป็นพยานได้ว่า เงินที่ป้ากฤษณาให้เจ้าอาวาส เป็นการให้หยิบยืม ไม่ใช่เงินถวายวัด และตนเชื่อว่า เจ้าอาวาสมีเจตนาที่จะโกง หัวหมอไม่ทำเอกสารกู้ยืมเงิน อีกทั้งเงินที่ได้มา ก็จะเอาเข้าบัญชีส่วนตัว ไม่เข้าบัญชีวัด

โดยเมื่อปีที่แล้ว เจ้าอาวาสได้นำเงินที่เป็นเงินทำบุญกฐินจำนวน 5 แสนบาท รวบรวมมา นับแยกมาเป็นมัดๆ มัดละ 1 แสนบาท เพื่อจะนำไปใช้หนี้คืนให้ป้ากฤษณา แล้วก็เรียกตนไปเอาเงินใส่ย่าม ซึ่งเจ้าอาวาสก็อยู่ด้วย ตอนที่เอามัดธนบัตร 500 ใส่ลงย่าม ตนรู้สึกว่า มันดูน้อย จึงถามเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสยืนยันว่านับครบแล้ว

แต่เมื่อป้ากฤษณานำเงินไปนับที่บ้าน พบว่าเงินปึกแบงค์ 500 มีแค่ 5 หมื่นบาท ป้ากฤษณาจึงมาทวงถามกับเจ้าอาวาส แต่เจ้าอาวาสกลับปฏิเสธ และพูดโยนความผิดให้กับตน โดยบอกว่าตนเป็นคนจับเงินจำนวนนี้

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่วัดพืชอุดม ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พระครูสมบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม เปิดกุฏิให้ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์เข้าไปดู ร่องรอยความเสียหายบริเวณฉากกั้นไม้ภายในกุฏิ ว่าตัวท่านเอง ก็ถูกโยมกฤษณา คนที่ไปร้องเรียนกับเพจสายไหมพยายามเข้ามาทำร้ายและจับศีรษะของอาตมาโขกเข้ากับฉากกั้นไม้ด้านหลัง จนฉากพังเป็นรู ตนจึงใช้เท้ายันเพื่อเป็นการป้องกันตัว ไม่มีการถีบหรือทำร้ายร่างกายโยมกฤษณา ตามที่แถลงข่าว

โดยพระอธิการสมบูรณ์ สิริปุญโญ เล่าให้ฟังอีกว่า โยมคนดังกล่าวได้เดินทางมาทำบุญที่วัดนานกว่า 13 ปี เวลาวัดมีกิจกรรมทำบุญจะมาช่วย , บวชพระ บวชเณรก็จะมาช่วยเรื่องอาหารการกิน , มีงานกฐินก็มาช่วย ประเด็นที่อ้างว่าอาตมามีการยืมเงิน จำนวน 10 ล้านบาท ถ้ายืมเงินจริงต้องมีเอกสารหลักฐานการกู้ยืม แต่มันไม่มี มันเป็นการทำบุญ

ส่วนที่อาตมาไปเซ็นยินยอมรับสภาพหนี้ เพราะสถานการณ์มันบีบบังคับซึ่งอาตมาได้ไปแจ้งความไว้แล้วว่าการเซ็นเอกสารดังกล่าวเป็นการถูกบีบบังคับอาตมาไม่ได้เต็มใจ

ขณะเดียวกันวันนี้ ทางเจ้าคณะตำบลพืชอุดม , เจ้าคณะอำเภอลำลูกกาและเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ เดินทางมาที่วัดพืชอุดม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองปลัดอำเภอลำลูกกา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลอง 12 เดินทางมาร่วมประชุมหารือกันที่วัดพืชอุดม

โดยมีเจ้าอาวาสวัดพืชอุดมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ โดยการประชุมหารือดังกล่าว เจ้าหน้าที่ขอให้สื่อมวลชนเก็บภาพได้แต่เพียงด้านนอก ไม่อนุญาตให้ร่วมเข้ารับฟังด้วย แต่หลังจากประชุมหารือเสร็จทางวัดจะมีแนวทางชี้แจงแถลงข่าวต่อไป

ด้านนายจรูญศักดิ์ หนึ่งในคณะกรรมของวัด เปิดเผยว่า ปัญหาต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือปัญหาของวัดและปัญหาส่วนตัว ซึ่งก่อนหน้านี้พวกตนไม่เคยรับรู้เรื่องรายได้ของวัดเลย เพราะเจ้าอาวาสเป็นคนดูแลและจัดการเรื่องเงินแต่เพียงผู้เดียว จนกระทั่งการไฟฟ้าจะมาตัดไฟวัดเพราะมีการค้างจ่ายค่าไฟหลายเดือน

คณะกรรมการจึงได้ประชุมกันและมีมติว่าให้คณะกรรมการและไวยาวัจกรของวัดเป็นคนนับเงินที่คนมาทำบุญ แต่สุดท้ายปลายทางก็ส่งมอบเงินนั้นให้กับทางเจ้าอาวาสไปบริหารจัดการเอง ซึ่งพวกตนเคยขอดูบัญชีรายรับรายจ่ายจากเจ้าอาวาส แต่เจ้าอาวาสก็ไม่เคยให้ดู

ส่วนกรณีที่นางกฤษณา ตัวผู้ร้องก็เป็นคนที่ชอบมาทำบุญที่วัดนี้ประจำ นำอาหาร น้ำดื่มมาเปิดโรงทานเวลาวัดจัดงาน จนมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับเจ้าอาวาส แต่เรื่องเงินตนไม่ทราบ เพราะน่าจะเป็นปัญหาส่วนตัวที่มีการยืมเงินกันเอง

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้เข้าไปสำรวจภายในโบสถ์ของวัดพืชอุดม มีหน้าต่าง 8 บานและประตู 8 บาน แต่ละบานเป็นกลอนปิดตายไม่มีลูกกุญแจ แต่จะมีประตูด้านข้างโบสถ์อยู่ 1 บานที่ทำเป็นโครงเหล็กไว้ด้านล่างประตู คาดว่าสำหรับใช้โซ่คล้องเพื่อล็อคประตูโบสถ์


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/bla9bX-KvkA

คุณอาจสนใจ

Related News