สังคม

เปิดวีรกรรมแสบ ‘หมอเก๊’ หลอกสาวให้รักสูญครึ่งล้าน หนุ่มโต้หนังคนละม้วน อ้างหมอจริงแต่จบนอก

โดย paweena_c

16 พ.ค. 2567

500 views

กรณีนักธุรกิจสาว ถูกผู้ชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นคุณหมอ หลอกให้รัก และหลอกให้เธอสูญเงิน 5 แสนบาท ล่าสุดฝ่ายชายออกมาโต้ หนังคนละม้วน ยอมรับเป็นหมอจริง ยันไม่ได้หลอกเงิน

โดยก่อนหน้านี้ คุณเพ่ยเพ่ย ผู้เสียหาย ได้เข้าร้องเรียนที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังถูกผู้ชายคนหนึ่ง อ้างเป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ อาจารย์หมอด้านหัวใจ จบจากสหรัฐอเมริกา หลอกให้หลงรัก สูญเงินกว่า 5 แสนบาท

โดยคุณเพ่ยเพ่ย เล่าว่า เมื่อปีที่แล้ว เธอได้รู้จักกับคุณกอล์ฟ ช่วงเดือนธันวาคม โดยจู่ๆ ฝ่ายชายโทรเข้ามาแนะนำตัว ว่ามีอาชีพเป็นอาจารย์แพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ จบจากอเมริกา เป็นอาจารย์หมอ เป็นนายทหารยศพลตรี

ฝ่ายชายบอกว่าอยากทำความรู้จัก จึงโทรมาเช็กว่าเป็นโปรไฟล์เธอจริงหรือไม่ หลังจากนั้นจึงมีการทำความรู้จักกัน ช่วงแรกฝ่ายชายมีการโชว์ชุดทหารในแบบต่างๆ รวมถึงป้ายชื่อทหาร จึงทำให้เธอหลงเชื่อว่าเป็นจริง ประกอบกับฝ่ายชายบอกว่าอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ และบอกว่าเคยมีครอบครัวมาแล้ว แต่หย่าร้าง มีลูกติดอยู่ 1 คน และมีแม่ที่ต้องดูแล

ต่อมาตัดสินใจคบกันเป็นแฟนตอนตั้งปี 67 ฝ่ายชายย้ายมาอยู่กับเธอที่บ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ เธอเป็นคนดูแลทั้งหมด ฝ่ายชายไม่เคยออกเงินแม้แต่บาทเดียว บางทีเธอก็ไปอยู่กับฝ่ายชายที่บ้านบ้าง จากนั้นฝ่ายชาย แต่งเรื่องหลอก อ้างว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องใช้ยานอกรักษาเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท แล้วอ้างว่าหมุนเงินไม่ทัน ขอให้เธอต้องช่วยจ่ายให้ก่อน ที่เธอช่วยจ่ายเงินให้เพราะว่ารัก ระหว่างนั้นก็สร้างเรื่องราวหลอกเงินเงินอีกมากมาย เสียเงินไปกว่า 5 แสนบาท

คุณเพ่ยเพ่ย บอกว่า เพียงแค่ 3 เดือนที่คบกัน เธอถึงกับเงินหมด แล้วปรากฎว่าอาจารย์หมอปลอมคนนี้ก็ออกลายเลย เขาพยายามตีตัวออกห่าง ทำให้คุณเพ่ยเพ่ยเครียดจัดต้องกินยานอนหลับเกินขนาด ถูกหามส่งไอซียู ปัจจุบันอาการดีขึ้น เธอก็เลยมาสืบหาข้อมูลด้วยตัวเอง ไปเช็กกับแพทยสภาไม่มีชื่อของฝ่ายชายอยู่ในสารบบ เธอก็เลยไปแจ้งตำรวจ ต้องช็อกอีกรอบเพราะเขามีประวัติเคยถูกจับคดีเสพยาเสพติดเมื่อปี 2561 และออกจากคุกเมื่อปี 2563

ต่อมาเธอตามไปที่ออฟฟิศของฝ่ายชาย เข้าไม่ได้จึงให้ช่างกุญแจมาช่วยไข เข้าไปเจอชุดชั้นในของผู้หญิงจำนวนมาก ทางฝ่ายชายก็ไม่พอใจ และมีปากเสียงกัน คุณเพ่ยเพ่ยโมโหมากจึงคว้ามีดแทง แต่แทงไม่เข้า ฝ่ายชายจึงแจ้งข้อหาคุณเพ่ย เพ่ย ในข้อหาบุกรุก กับพยายามฆ่า และข้อหา PDPA ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายอีกราย ที่ร้องมายังทีมข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ ชื่อคุณสิทธิ์ (นามสมมติ) ซึ่งคุณสิทธิ์ เป็นเจ้าของบ้านเช่าย่านประเวศที่หมอกอล์ฟเช่าบ้านอยู่ คุณสิทธิ บอกว่า ตนได้ประกาศให้เช่าบ้านเดือนละ 25,000 บาท หลังจากนั้นก็ได้รับการติดต่อจากนายหน้าว่า มีลูกค้าสนใจที่จะเช่าบ้านหลังดังกล่าวของตน เป็นอาจารย์หมอจบจากเมืองนอก

ตนก็มีการตกลงทำสัญญากับหมอคนดังกล่าว ซึ่งหมอคนดังกล่าวก็แสดงตัวและบอกว่าเป็นอาจารย์หมอเฉพาะทางรักษาด้านหัวใจ ตนเองก็ไม่คิดอะไรไม่ได้นำชื่อไปตรวจสอบประวัติ ซึ่งมาเช่าบ้านตั้งแต่ต้นปี 2567 ช่วงเดือนมกราคม และ กุมภาพันธ์ จ่ายค่าเช่าตามปกติ

จนกระทั่งเดือนมีนาคมและเมษายนหมอคนดังกล่าวไม่จ่ายค่าเช่าเป็นเงิน 50,000 บาท ตนก็พยายามทวงถาม แต่หมอคนดังกล่าวอ้างว่าแอปธนาคารใช้ไม่ได้ จึงให้นายหน้าที่เป็นคนหาลูกค้ารายนี้มาช่วยทวง แต่จนถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าเช่าที่ค้างไว้

คุณสิทธิ์ บอกว่า พอเห็นข่าวว่าคนที่มาเช่าบ้านของตัวเอง อ้างเป็นหมอ และมีพฤติกรรมไปหลอกเงินนักธุรกิจสาว ตนจึงได้ติดต่อและยื่นคำขาด ว่าให้ย้ายออกจากบ้านทันที ซึ่งคุณหมอกอล์ฟ อ้างว่าขอปรึกษากับทางครอบครัวและทนายความก่อน ว่าจะทำอย่างไงต่อไป

ขณะที่หมอกอล์ฟ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 3 ยืนยันว่าตนเป็นหมอจริง เรียนจบหมอจากต่างประเทศ และเคยรักษาคนไข้ที่ต่างประเทศ แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ารักษาเกี่ยวกับโรคอะไรหรือเฉพาะทางด้านไหน

ส่วนที่ไทย ตนเปิดบริษัทขายเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ เพียงอย่างเดียว และตนก็ไม่เคยบอกเพ่ย ๆ ว่าตนเป็นหมอ แต่จากบุคลิกของตนที่เดินทางไปโรงพยาบาลบ่อยครั้ง และเคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการรักษาโรคทั่วไปว่าต้องรักษาอย่างไร จึงอาจทำให้เพ่ย ๆ คิดไปเองว่าตนเป็นหมอ

ส่วนประเด็นที่เพ่ย ๆ บอกว่าตนไปสร้างเรื่องว่าแม่ป่วยเป็นโรคมะเร็งต้องใช้เงินค่าซื้อยานอกถึง 10 ล้านบาท รวมถึงตนได้ยืมเงินเพ่ย ๆ ไป 5 แสนบาทนั้น ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยบอกว่าแม่ต้องซื้อยานอกมารักษาถึง 10 ล้าน ส่วนเงินที่ยืมเพียงแค่แสนกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งการยืมแต่ละครั้ง ตนมีหลักฐานโดยจะมีการคุยกันในไลน์ และระบุถึงครั้งว่า เงินจำนวนนี้ เป็นเงินยืม

ส่วนที่ยอดเงินสูงถึง 5 แสนบาท ตนคิดว่าเพ่ย ๆ อาจจะเอาเงินที่เพ่ย ๆ โอนให้ตนใช้จ่ายด้วยความเสน่หา หรือเงินที่กินและใช้ร่วมกันในฐานะสามีภรรรยาเอามารวมด้วย ขอยืนยันว่าเงินที่เพ่ย ๆ โอนให้ด้วยความเสน่หา ตนไม่ได้บังคับ แต่เพ่ย ๆ เสนอตัวโอนให้เอง

ที่ผ่านมาตนต้องทนกับพฤติกรรม ที่เรียกว่ารักแรงหึงแรง ของเพ่ย ๆ มาเป็นเวลานานแล้ว ถ้าวันไหนเพ่ย ๆ โทรมาแล้วตนไม่รับสาย เพ่ย ๆ ก็จะโทรจิกหาตนจนกว่าจะรับ บางครั้งโทรต่อเนื่องถึง 50 สาย

ทั้งนี้หมอกอล์ฟ ยังได้เปิดเผยหลักฐานสำคัญ โดยเป็นคลิปที่เพ่ย ๆ บุกมาที่สำนักงานของหมอกอล์ฟ เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา โดยหมอกอล์ฟ ระบุว่า วันนั้นตนมีปัญหากับเพ่ย ๆ และได้บอกเพ่ย ๆ ว่าขอเคลียร์งานให้เสร็จก่อน แล้วจะไปหา

แต่ตอนประมาณ 1 ทุ่ม เพ่ย ๆ ได้บุกมาหาและพยายามจะพังประตูสำนักงานเข้ามา ซึ่งตอนนั้นตนตกใจมาก เลยตัดสินใจเรียก รปภ. ให้มาช่วยเหลือเพราะตอนนั้น ตนอยากทำงานให้เสร็จและยังไม่อยากคุยกับเพ่ย ๆ ซึ่งตอนแรก รปภ.ได้มาเชิญตัวเพ่ย ๆ ดี ๆ และเพ่ย ๆ เหมือนจะยอมกลับไป แต่สุดท้าย เพ่ย ๆ ก็ย้อนกลับมาอีก จนทำให้ รปภ. ต้องเข้าควบคุมตัวจนเกิดการฉุดกระชากกัน

จากนั้น รปภ. ได้โทรศัพท์เรียกตำรวจ ให้เข้ามาเคลียร์สถานการณ์ ซึ่งตอนนั้นตนก็เข้าไปคุยกับเพ่ย ๆ บอกให้ใจเย็น ๆ ตนเสร็จงานแล้วจะตามกลับไป ทำให้ เพ่ย ๆ ยอมให้ตำรวจพาตัวไปส่งขึ้นรถแท็กซี่ เพื่อกลับบ้าน

แต่เรื่องกลับไม่จบ เพราะตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่า เพ่ย ๆ ย้อนกลับมาที่สำนักงานอีกครั้ง และสวมหมวกปิดบังใบหน้า เมื่อมาถึงได้พยายามเข้ามาหาตนที่ภายในสำนักงาน พร้อมกับเอาเก้าอี้มานั่งขวางหน้าประตู จากนั้นก็ไปหยิบแสตนดี้ มาทุบที่ประตูกระจกสำนักงานจนแตก

ซึ่งตอนนั้นตนไม่อยู่ในสำนักงาน แต่มีภาพวงจรปิดที่เห็นชัดว่า เมื่อเพ่ย ๆ เข้ามาในสำนักงานแล้ว ได้ถือมีดแอบซ่อนไว้ที่ด้านหลัง

จนประมาณ 4 ทุ่มกว่า ตนกลับเข้ามาที่สำนักงาน เมื่อเพ่ย ๆ เห็นก็วิ่งเข้ามาหาตน และพยายามจะพูดคุย แต่ตอนนั้น ตนได้กลิ่นคล้ายกลิ่นเบียร์ ออกมาจากตัวเพ่ย ๆ ทำให้ไม่ตนไม่อยากคุยด้วย เพราะคิดว่าพูดไปก็คงไม่รู้เรื่อง

ตนจึงตะโกนเรียก รปภ.ให้เข้ามาช่วย ทำให้เพ่ย ๆ ไม่พอใจอาศัยจังหวะที่ตนหันหลัง ใช้มีดแทงเข้ามาที่หลังตน 3 ครั้ง โชคดีที่มีดแทงไม่เข้า แต่ตนรู้สึกเจ็บ และหลังจากนั้น ตำรวจก็มาควบคุมตัวเพ่ย ๆ ไปที่ สน. ซึ่งเมื่อไปถึง สน. ตนก็บอกเพ่ย ๆ ให้หยุดทำพฤติกรรมแบบนี้

ซึ่งตอนแรกตนไม่แจ้งความเพราะไม่อยากทำร้ายคนที่เคยเป็นภรรยา แต่เพื่อนสนิทของตนทราบเรื่อง ก็แนะนำให้ตนไปลงบันทึกประจำวัน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ตนจึงกลับไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และตนก็ได้แชทไปขอยุติความสัมพันธ์กับเพ่ย ๆ เพราะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น

หลังจากวันนั้นตนก็ได้คุยไลน์กับเพ่ย ๆ อยู่บ้างแต่ไม่บ่อย จนกระทั่งเพ่ย ๆ ไปร้องเรียนตนที่มูลนิธิฯ และเป็นข่าวขึ้นมา ซึ่งตนยืนยันว่า เหตุผลที่เพ่ย ๆ ไปร้องเรียนตนเพราะไม่พอใจ ที่ตนตีตัวออกห่าง และ คิดว่าตนจะกลับไปคืนดีกับภรรยาเก่า

นอกจากนี้หมอกอล์ฟ ยังได้เปิดเผยแชท ที่ยืนยันว่า เพ่ย ๆ เข้าข่ายบุคลอันตราย โดยเป็นแชทที่เพ่ย ๆ คุยกับตน บอกว่ามีปืนและอยากจะเอาปืนไปยิงอ้อมตะวัน คู่กรณีของเพ่ย ๆ ซึ่งมีการดำเนินคดีเรื่องธุรกิจ


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/KiLNNDgKVIU

คุณอาจสนใจ