สังคม

ผนึกกำลังเอาผิด ‘ลัทธิเชื่อมจิต’ ห่วงอนาคตเด็กถูกดึงเป็นหุ่นเชิด สร้างอภินิหารหลอกปชช.

โดย JitrarutP

13 พ.ค. 2567

117 views

“ทนายอนันต์ชัย” ผนึกกำลัง “แพรรี่ ไพรวัลย์” พร้อมอีกหลายคน เอาผิด “กลุ่มลัทธิเชื่อมจิต” ห่วงอนาคตเด็กถูกดึงเป็นหุ่นเชิดสร้างอภินิหารหลอกลวงประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งลาภสักการะ

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือ มหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย คุณต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง , คุณอี้ แทนคุณ ตัวแทนผู้เสียหาย , ดร.อธิเทพ ผาทา รัก คำราม และ แพรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร วันนี้ผนึกกำลังกัน เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต จำนวน 9 คน ดังต่อไปนี้ นายพิชญะ ศูนยะคณิต, นางสาวนัฐพร วงศ์ทวิชาติ, นายคเณศ คณินวรพันธุ์, แอดมินใบเฟิร์น, แอดมินนรินทร์, ทนายธรรมราช, แอดมินสาว,  แอดมินเพจ หรือผู้ควบคุมเพจเฟซบุ๊ก นิรมิตเทวาจุติ, ผู้ใช้บัญชีติ๊กตอก @niramittavajuti และ บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อหา พรบ.คอมฯ และข้อหาอื่นฯ ที่เกี่ยวข้อง

โดย ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า วันนี้ที่เดินทางมาในฐานะพุทธศาสนิกชนและเรื่องนี้เป็นภาระแห่งชาติ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาจริง เอาจังและเอาผิดอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต ซึ่งมีการใช้เด็ก อายุ 8 ขวบ เป็นเครื่องมือในการสร้างความเชื่อและสอนพระพุทธศาสนาแบบผิดๆ

เช่น บิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนาและพระไตรปิฎก, ยุยงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติไม่สมควร ประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด, นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง

ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยอีกว่า เรื่องลัทธิเชื่อมจิตตนเห็นมานานแล้วว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องยอมรับว่าคณะสงฆ์และสำนักงานพระพุทธศาสนาบ้านเราอ่อนแอ ไม่มีการเทคแอคชั่นกับเรื่องนี้เท่าที่ควร ตนและคณะฯ จึงต้องออกมาเรียกร้องแบะเอาผิดกับบุคคลดังกล่าว

ทนายอนันต์ชัย ยังอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 หมวด 6 เรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 67

1. รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น

2. ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน

3. รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา

4. ต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันพุทธศาสนา

5. และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการมาตรการต่างๆ

ซึ่งหมายถึง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในฐานะเป็นหน่วยงานแห่งรัฐมีหน้าที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ 2560 ฉบับนี้

ส่วนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546 มาตรา 4 "เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิด" ซึ่งผู้ปกครองมีหน้าที่ตามหมวด 2 การปฏิบัติต่อเด็ก มาตรา 23 ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กให้อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมฯ และมาตรา 26 ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ห้ามมีให้กระทำการดังต่อไปนี้ คือ บังคับข่มขู่ชักจูงส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กประพฤติเสียงต่อการกระทำผิด

มาตรา 27 เกี่ยวกับการโฆษณาหรือการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด โดยเจตนาแสวงหาผลประโยชน์จากการเรี่ยไรรับบริจาคฯ

ขณะเดียวกัน ทนายอนันต์ชัย ยังพูดถึงเกี่ยวกับพฤติกรรมการเชื่อมจิตของกลุ่มลัทธิดังกล่าวมีการอ้างถึงลำแสงที่ได้จากองค์ศากยมุนี และมาปล่อยลำแสงผ่านฝ่ามือพลังเต่านินจาใดๆ ก็ตามแต่ เป็นการสร้างอภินิหารจากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ สร้างเพื่อจุดประสงค์ลาภสักการะ ซึ่งอนาคตหากปล่อยละเลยเรื่องนี้อาจจะมีการบริจาคได้เงินถึงร้อยล้าน พันล้านบาทก็เป็นได้

นอกจากนี้ ทนายอนันต์ชัย ยังฝากถึงกลุ่มลัทธิดังกล่าวและฝากถึงทนายบางคน ให้ฟ้องตนได้เลย ตนจะได้ชี้แจงแถลงไขต่อศาลถึงความผิดต่างๆ ของกลุ่มลัทธินี้

ด้าน อี้ แทนคุณ ในฐานะที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากอดีตสาวกลัทธิดังกล่าว ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมสมาธิเชื่อมจิต ซึ่งผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า ตอนนั้นก็หลงเชื่อว่า การนั่งสมาธิแบบดังกล่าวจะสามารถบรรลุธรรมได้

ต่อมาเริ่มเห็นวิธีการแปลกๆ เช่น เด็ก 8 ขวบใช้นิ้วแตะหน้าผากและบอกว่า เป็นการเชื่อมจิต และ เห็นถึงคำสอนบางคำสอนที่ไม่ตรงตามหลักพระพุทธศาสนาที่เคยเรียนมา ซึ่งภายหลังก็นำมาด้วยลาภสักการะ ซึ่งทำให้เสียเงิน ในการรับบริจาคซื้อที่ดินสร้างสถานปฏิบัติธรรม ทางอดีตสาวกกลุ่มลัทธิฯ ดังกล่าวจึงออกมาขอความช่วยเหลือ


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/GmbhZg9Cm-Y

คุณอาจสนใจ

Related News