สังคม
โผล่อีก! นร.นายสิบฝึกค่ายโหด ช็อกเข้าไอซียู ศูนย์ฝึกชี้มีแบบนี้ทุกปี พี่สาวสงสัยแบบนี้ปกติหรอ?
โดย paweena_c
13 ต.ค. 2566
180 views
ความคืบหน้ากรณีนักเรียนนายสิบ เสียชีวิตระหว่างฝึก หลังถูกครูฝึก ตชด. บังคับวิ่ง 10 กม. ล่าสุดพบนักเรียนนายสิบอีกราย เข้าแอดมิดรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
จากกรณีครอบครัว นายปกรณ์ เนียมรัตน์ หรือ ไบรท์ อายุ 26 ปี สอบติดนักเรียนนายสิบตำรวจ สังกัด ตชด. และได้เข้าฝึกอบรมที่ กองกำกับการ 9 กองบังคับการฝึกพิเศษ หรือ "ค่ายท่านมุก" อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ตุลาคม โดยสาเหตุมาจากครูฝึก ซึ่งเป็นตำรวจยศ สิบตำรวจโท ได้สั่งให้กลุ่มนักเรียนนายสิบตำรวจ วิ่ง 10 กิโลเมตร ระหว่างที่วิ่งไปได้ 6 กิโลเมตร เกิดอาการเป็นลมหมดสติไป แต่ครูฝึกได้สั่งให้เพื่อนหิ้วปีกขึ้นมาทั้ง 2 ข้าง แล้ววิ่งลากขาไปให้ครบ 10 กิโลเมตร ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยญาตินำร่างกลับมาประกอบพิธีทางศาสนา ที่ วัดสระเกษ อ.เมือง จ.สงขลา
โดยเมื่อวานนี้ ญาติเดินทางไปรับร่างไบร์ท จากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หลังจากผ่าชันสูตรเสร็จรอบเเรกเสร็จสิ้น และเคลื่อนมาที่วัดสระเกษ อำเภอเมืองสงขลา เพื่อประกอบพิธีสวดพระอภิธรรม มีพลตำรวจตรี ยงเกียรติ มนปราณีต รองผู้บัญชาการฯ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เดินทางมาร่วมในพิธี
นางเสาวนีย์ แม่ของไบรท์ บอกว่า พลตำรวจตรี ยงเกียรติ ได้มาปลอบใจและแจ้งเรื่องการเยียวยาการชดเชยความเสียหาย ทางตัวพลตำรวจตรี ยงเกียรติ บอกว่าเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ เพราะตัวเองก็มีลูกชายเรียน ตชด. เหมือนกัน
ส่วนครูฝึกที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ตนทราบว่ามีการสั่งย้าย ซึ่งตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ตนยังไม่ได้รับคำชี้แจงจากครูฝึกที่อยู่ในเหตุการณ์เลย จนถึงตอนนี้ก็ยังอยากได้ยินคำอธิบายจากตัวของครูฝึกเอง
ตอนนี้ยอมรับว่า ตนเองรู้สึกสบายใจขึ้นมากกว่าเมื่อวันก่อน ยิ้มได้บ้าง มีกำลังใจมากขึ้น มีเเรงมากขึ้น จากเมื่อวันก่อนที่ตนล้มทั้งยืน ไม่มีเเรงไม่อยากพูดกับใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสวดพระอภิธรรม พ่อของน้องไบร์ทได้ใช้ปากกาเขียนข้อความไว้อาลัยถึงลูกชายที่ป้ายไวนิล ข้อความว่า "พ่อขอโทษ อย่าโกรธพ่อนะ ที่ผลักดันให้ลูกไปเป็น ตชด. สุดท้ายทุกคนต้องเสียใจ ลูกเป็นคนเก่ง แกร่งและสู้มาก ลูกไม่ใช่กวี แต่เป็นบทเรียนของหลายคน รักลูกที่สุด พ่อ"
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนักเรียนนายสิบ ตชด. ที่ฝึกพร้อมกับน้องไบร์ท ชื่อ นายเอ็ม (นามสมมติ) เล่าให้ฟังว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุ 3-4 วัน ไบร์ทมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด อาการไม่ค่อยดี และก่อนหน้านี้ นักเรียนก็ไม่สบายกันหลายคน เป็นไข้หวัด จามไอ มีน้ำมูก กลางวันปกติ แต่พอตอนกลางคืนก็เริ่มมีไข้สูงกันหลายคน เป็นผลมาจากการฝึกด้วย ไม่เคยเจอเเดดเจอฝนแบบนี้
คืนก่อนเกิดเหตุ ไบร์ทกินยาพาราไป 2 เม็ด กับฟ้าทะลายโจร แล้วตื่นตอนตี 2 ครึ่ง ทุกอย่างยังปกติดี เเต่อาการก็ทรงๆ ไม่ดีขึ้น เเละไม่ได้มีการตรวจโควิดหรือวัดไข้
จนวันที่เกิดเหตุ ตนเองวิ่งอยู่ด้านหน้า ไบร์ทวิ่งด้านหลัง วิ่งไปประมาณ 8 กม. ไบร์ทวิ่งรอบที่ 3 ก็เป็นลม ล้มหมดสติ เพื่อนๆ ต้องมาช่วยกันประคองหิ้วปีกซ้ายขวา เเละวิ่งตามเพื่อนให้ทัน ให้ครบที่ 10 กม. ตอนนั้นครูฝึกก็นึกว่าไบร์ทเจ็บขา หรือวิ่งไม่ไหว เลยพยายามต้อนให้วิ่งต่อ โดยใช้คำพูด รวมถึงใช้สายนกหวีดตีที่ขา
หลังจากนั้นวิ่งต่อได้อีกประมาณ 15-20 นาที ไบร์ทก็มือเเข็ง ตาเหลือก เท้าชา ครูฝึกจึงรู้ว่าเพื่อนไม่ไหวเเล้ว พยายามปฐมพยาบาล เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามตัว ก่อนจะเรียกรถของหน่วย เเละรีบพาไป รพ.สะเดาก่อน ในรถ ตนพยายามนวดมือคลายเส้น และเรียกให้เขามีสติ แต่พอไปถึง รพ.ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที เพื่อนก็ต้องใส่สายออกซิเจนแล้ว
ขณะเดียวกันทีมข่าวพบว่ามีนักเรียนนายสิบอีกราย ที่ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเช่นกัน หลังไปฝึก ตชด.สะเดา ทีมข่าวจึงเดินทางไปที่ รพ.หาดใหญ่ พบกับพี่สาวน้องแบงค์ นักเรียน ตชด.ที่เข้าแอดมิดหลังไปฝึก ตชด.ที่อำเภอสะเดา
พี่สาว เผยว่า ตอนแรกครูฝึกโทรมาแจ้งว่า ให้มาพูดคุยกับน้องหน่อย น้องไม่ค่อยฝึกน้องไม่ค่อยยอมรับคำสั่ง วิ่งอยู่ดี ๆ ก็หยุดวิ่งออกจากแถว ตนเองจึงเดินทางจากสุราษฎร์ธานี คืนวันที่ 7 ตุลาคม มาถึงหาดใหญ่วันที่ 8 ตุลาคม แต่เมื่อคืนวันที่ 7 ตุลาคม มีครูฝึกโทรมาบอกว่าน้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลหาดใหญ่ พอมาถึงตนก็รีบเข้าเยี่ยมน้อง ตอนแรกน้องอยู่ที่ตึกรวม
ครั้งแรกที่เจอน้องก็รู้สึกว่าน้องตัวคล้ำขึ้น และดูเพลีย ๆ กินอะไรไม่ค่อยได้ และก็ให้น้ำเกลือแค่ขวดเดียว ซึ่งคืนวันนั้นก็ยังพูดคุยหยอกล้อกันได้ตามปกติ โดยน้องบอกว่า ปวดขามากแม่ก็เลยนวดให็ ซึ่งหลังจากนั้นตนก็เดินทางกลับสุราษฎร์ธานี และพอวันจันทร์ หมอมาแจ้งว่าจะต้องฟอกไต
จากนั้นวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม บัดดี้ของน้องที่อยู่ด้วยที่โรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่า หมอได้ย้ายน้องไปอีกห้องและต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ อาการไม่ค่อยจะสู้ดี พอรู้ข่าวครอบครัวก็เดินทางมาจากสุราษฎร์ธานีทันที ตลอดเวลามีครูฝึกโทรมาหาเรื่อย ๆ ถามอาการของน้อง และมีศูนย์ฝึก ผบ.ร้อย และผู้บังคับบัญชาได้มาเยี่ยม
พี่สาวยังบอกด้วยว่า ตอนที่คุยกับทางศูนย์ฝึกเมื่อวันจันทร์ เขาจะพูดแบบว่า มันก็จะมีแบบนี้เกิดขึ้นทุกปี ตัวเองก็คิดว่าแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติใช่ไหม แล้วต่อไปถ้ามีประวัติการรักษาไป ถ้าไม่กลับมาเหมือนเดิม มันอาจจะมีผลต่อหน้าที่การงานหรือการใช้ชีวิต เราก็กังวลเรื่องอนาคต เพราะว่าก่อนหน้านี้น้องเป็นคนที่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ก่อนที่น้องจะมาฝึกยังมีการตรวจละเอียด และไม่เคยมีโรคประจำตัวใด ๆ และยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนอยู่ด้วย
พี่สาวยังบอกอีกว่าอยากจะถามไปยังศูนย์ฝึกว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ มีการผิดพลาดตรงไหน และยังทราบอีกว่าตอนนี้ทางศูนย์ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วว่าเกิดจากอะไร
คู่บัดดี้ของน้องแบงค์ที่ป่วย เผยว่า ตอนนั้นกำลังฝึกท่ามือเปล่าอยู่ ซึ่งแบงค์ ไม่ได้ฝึกแต่อยู่ข้าง ๆ และเมื่อฝึกเสร็จมีทางครูฝึกมาเรียกตนว่าให้ไปเปลี่ยนชุดให้ พาน้องแบงค์โรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้น้องแบงค์เคยบอกว่าปวดกล้ามเนื้อ ซึ่ง ณ เวลานั้นมีเพื่อนร่วมที่ฝึกมีอาการเจ็บหัวเข่า 2 คน แล้วก็แบงค์ เพื่อนน้องยังบอกอีกว่าตอนวิ่งถ้าใครวิ่งไม่ไหวก็จะให้เพื่อนร่วมแบกไปวิ่งจนถึงเป้าหมาย และไปนั่งพักส่วนคนที่ไหวก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/pVVMoZUwu68