สังคม
สุดช้ำ หนุ่มใหญ่วัย 50 ถูกสาวสร้างโปรไฟล์ดี หลอกคบจนแต่งงาน สูญเงินหลายล้าน
โดย paweena_c
26 มิ.ย. 2566
1.1K views
สุดช้ำหนุ่มใหญ่ 50 ปี ร้องเพจโหนกระแส ถูกสาวสร้างโปรไฟล์ดี อ้างเป็นข้าราชการ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยดัง หลอกคบจนแต่งงาน สูญเงินนับล้าน
นายณัฐ อายุ 52 ปี เล่าให้ ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ฟังว่า ตนเองได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อว่านางสาว ดี อายุ 42 ปี ผ่านทาง facebook
โดยฝ่ายหญิงบอกว่า เธอเองเป็นข้าราชการอยู่กรมหม่อนไหม จังหวัดมหาสารคาม และต้องทำงานไปๆมาๆ ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นก็คุยกับจนสนิทสนม ผ่านไป 2 เดือน ก็ชวนกันไปเที่ยวทะเล และก็พาฝ่ายหญิงไปเจอกับลูกสาวของตัวเองด้วย เพื่อความบริสุทธิ์ใจว่าตัวเองมีลูกติดที่ต้องดูแล ซึ่งฝ่ายหญิงก็มีลูกติด 1 คนที่ต้องดูแลเหมือนกัน ทั้งคู่จึงเปิดใจและตกลงคบหากัน
หลังจากคบหาเป็นแฟนกันนางสาว ดี เริ่มบอกว่า ที่ทำงานของเธอมีปัญหาหมุนเงิน ปิดงบไม่ทัน ต้องขอยืมจากนายณัฐ ก่อน 85,000 บาท, นายณัฐ ก็โอนเงินไปให้ ฝ่ายหญิงบอกเดี๋ยวปิดงบเคลียร์เงินได้จะนำมาคืน ต่อมาก็บอกอีกว่า ญาติพี่น้องที่บ้านนำที่นา ไปจำนองไว้ต้องนำเงินไปไถ่ถอน 100,000 บาท ณัฐ ก็ต้องโอนเงินไปให้อีก คิดว่าก็ให้แฟนยืม คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังงัยก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกัน วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ซึ่งจัดงานแต่งที่บ้านของฝ่ายหญิง ครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ และมีแขกมาร่วมงานจำนวนมาก
หลังจากแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน ฝ่ายหญิงก็บอกว่า เธอต้องไปเรียนปริญญาเอก เพื่อที่จะเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง และมีเงินเดือนเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านลาดกระบัง ซึ่งจำเป็นต้องมี วุฒิการศึกษาสูง และต้องเรียนภาษาเพิ่ม
ด้วยความที่แต่งงานกันแล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไร นายณัฐก็จ่ายค่าเทอมให้นางสาวดี เรียนปริญญาเอก เทอมละ 120,000 บาท และค่าเรียนภาษาอีก 50,000 บาท
ซึ่งระหว่างอยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ตอนเช้าผู้หญิงก็ออกไปทำงานปกติ และก็ออกไปเรียนปริญญาเอกตามปกติ ทำให้ณัฐไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตอะไร ให้เงินดูแลภรรยา เป็นปกติทุกเดือน
ต่อมา นางสาว ดี ก็ชวนให้ นายณัฐ นำเงินมาซื้อที่ดินแถวบ้านที่จังหวัดมหาสารคามประมาณ 24 ไร่ วางแผนร่วมกันเตรียมทำฟาร์มวัว ทำสวนทำไร่ขุดบ่อเลี้ยงปลา, ซึ่งที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินมรดกของญาติ ถ้านายณัฐ จะซื้อไว้ทั้งหมด 24 ไร่ ก็ต้องนำเงินมาจ่ายให้กับญาติพี่น้องอีก 2 คน คนละ 550,000 บาท เป็นเงิน 1,100,000 บาท ซึ่งนายณัฐ โอนเงินไปให้ก่อน 800,000 บาท
กระทั่งช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นางสาวดี โทรมาเร่ง บอกให้นายณัฐ รีบโอนเงินยอดที่เหลืออีก 300,000 บาท เนื่องจากกรมที่ดินจะเข้ามารังวัด
ซึ่งขณะนั้นนายณัฐ ติดงานที่ต่างจังหวัด จึงให้นางสาวดี นำทองคำแท่ง, สร้อยคอทองคำ ที่เคยฝากไว้กับ นางสาวดี ไปจำนำก่อน เสร็จงานจะรีบโอนเงินไปให้เพื่อไถ่ทองคืน
แต่ปรากฏว่านางสาวดี โมโห แถมด่า นายณัฐ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยบอกว่าจะหวงสมบัติอะไรนักหนา ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ยังจะหวงอีก ซึ่งทำให้นายณัฐ งง ว่าทำไมต้องโมโหขนาดนั้น
นายณัฐ เริ่มเอะใจสงสัยจึงโทรศัพท์ไปถามญาติ ที่จังหวัดมหาสารคาม เรื่องที่ดิน 24 ไร่ ญาติบอกไม่รู้เรื่องที่ดิน 24 ไร่ ทางครอบครัว ไม่เคยมีที่ดินแปลงดังกล่าว และญาติก็ไม่เคยได้เงินจำนวน 800,000 บาท ที่ณัฐ โอนเงินมาให้ คำตอบที่ได้ยินถึงกับอึ้ง จุก อก จนนายณัฐพงษ์ พูดอะไรไม่ออก
พอตั้งสติได้พยายามโทรศัพท์ไปถามนางสาวดี ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลย บอกเพียงสั้นๆว่า กำลังไปหาหมอไม่สบายหนักต้องให้เกล็ดเลือด, นายณัฐ ตามไปหาถึงโรงพยาบาล ไปถามหาคนไข้ ชื่อนี้ก็ไม่มีประวัติการรักษา, จึงกลับไปนั่งรอ ที่บ้านพักที่บางพลี สมุทรปราการ ก็เห็นนางสาวดี ขับรถกลับเข้ามาและกำลังรีบขนของเหมือนจะหลบหนี
ตัวเองจึงรีบกระโดดขวางรถเอาไว้ และลากนางสาวดี เพื่อสอบถาม ซึ่งมีญาติพี่น้องอยู่ด้วย 2-3 คน เค้นถามเท่าไหร่ นางสาวดี ไม่ยอมบอกว่าเงินที่นำไปซื้อที่ดิน หายไปไหน
สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ นายณัฐ จึงขอทรัพย์สินที่ฝากไว้คืน เช่น สร้อยคอทองคำ , เลสข้อมือทองคำ , แหวนทอง 4-5 ชิ้น นางสาวดี ก็ยอมคืนให้ แต่ปรากฏว่า ทองที่ได้กลับคืนมา เป็นทองปลอม ทั้งๆที่ตอนซื้อ ก็ไปซื้อด้วยกันจากร้านทอง ตอนซื้อเป็นทองจริง แต่ตอนนำมาคืนกลับเป็นทองปลอม
นายณัฐ จึงไปสอบถามกับเพื่อนสนิทและญาติของนางสาวดี ก็ได้คำตอบ ที่ทำให้อึ้งเข้าไปอีก ว่า นางสาวดี ปลอมโปรไฟล์ขึ้นมาทั้งหมด ไม่ได้เป็นข้าราชการอยู่กรมหม่อนไหม ไม่ได้ทำงานที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร , ไม่ได้เป็นอาจารย์พิเศษและไม่ได้เรียนปริญญาเอก อย่างที่นางสาวดีอ้าง ที่บอกว่าไปทำงานสอนหนังสือ และเรียนหนังสือ ความจริงแล้ว ไม่ได้ไปไหนเลย มานั่งเล่นอยู่บ้านเพื่อนสนิท จนถึงเวลาเลิกงานก็กลับบ้าน
นายณัฐ บอกว่า หลังจากรู้ความจริงทั้งหมด ทำให้ ฝันสลาย ความฝันที่จะสร้างฟาร์มวัว ทำสวนทำไร่ ใช้ชีวิตด้วยกันที่ต่างจังหวัด ที่ออกมาร้องเรียนเพราะต้องการ เงินและทองคำคืน ส่วนเงินสินสอด เงินสด 200,000 บาท ทองอีก 4 บาท และที่โอนให้ยิบย่อยแต่ละเดือน อันนี้ยกให้ และอยากจะเตือนภัยสังคม เพราะผู้หญิงคนนี้เคยหลอกผู้ชายมาแล้ว 2 คน
ทีมข่าวพยายามติดต่อไปยัง นางแสง (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของนางสาวดี บอกว่า ช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่นางสาวดี แต่งงานกับนายณัฐ ก็จะใช้ชีวิตปกติ โดยการแต่งตัวออกจากบ้านหลอกสามีว่าไปทำงานที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรบ้างหรือว่ามาเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยย่านลาดกระบังบ้าง แต่สุดท้ายก็จะมานั่งเล่นที่บ้านของตัวเอง จนถึงเย็นถึงกลับบ้าน ซึ่งนางสาวดี อุปโลกเรื่องขึ้นมาทั้งหมด
ซึ่งตนเองในฐานะเพื่อนก็เคยเตือนนางสาวดี ไปว่าได้สามีดีแบบนี้ก็อย่าไปหลอกเขาเลย แต่นางสาวดีก็ไม่ฟัง เคยคิดหลายครั้งว่าจะบอกความจริงกับนายณัฐ ก็จะถูกนางสาวดี กีดกัน จึงไม่มีโอกาสได้บอกความจริง
จนมาทราบหลังเกิดเรื่องว่า นางสาวดี หลอกนายณัฐ สูญเงินไปหลายล้านบาท พร้อมยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดนางสาวดีอุปโลกขึ้นมาเอง ไม่ใช่เรื่องจริง
ขณะที่ทีมข่าวเที่ยงวัน ทันเหตุการณ์ ติดต่อไปยังแม่ของนางสาวดี ที่อยู่จังหวัดมหาสารคาม โดยแม่ บอกว่าเมื่อก่อนลูกสาวเป็นครู สอนอยู่โรงเรียนอนุบาลที่จังหวัดนครราชสีมา หลังจากนั้นลูกสาวก็บอกว่าเรียนต่อและสอบได้เป็นข้าราชการ ซึ่งตัวเองและที่บ้านก็เชื่อตามนั้น ไม่เคยไปถามรายละเอียดอะไรกับลูกสาว ส่วนใบวุฒิปริญญาตรีของลูกสาว คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ตนเองก็ไม่ทราบว่าเรียนจบปริญญาตรีจริงหรือไม่ เพราะลูกสาวอ้างว่า ตอนรับปริญญาเป็นช่วงที่โควิด 19 ทางมหาวิทยาลัยไม่จัดงาน
คุณแม่ บอกว่า ที่ผ่านมาลูกสาว เคยมีสามีมาแล้ว 2 คน คนแรกเสียชีวิต มีลูกด้วยกัน 1 คน ส่วนคนที่สอง เท่าที่ทราบมีปัญหาทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องเงินทำให้ทั้งคู่เลิกลากันไป
จนล่าสุดลูกสาวมาแต่งงานกับนายณัฐ ก็พามาจัดพิธีแต่งงานกันที่บ้าน มีแขกทั้งสองฝ่ายร่วมงานกันปกติ ซึ่งตัวเองก็คืนเงินสินสอดให้กับลูกสาวและลูกเขยไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่ดินมรดก ยืนยันว่า มีจริง แต่ประมาณ 19 ไร่เศษ ซึ่งติดจำนองธนาคารอยู่หลายแสนบาท ส่วนที่ลูกเขย บอกว่าโอนเงินมาเพื่อไถ่ถอนที่ดิน เป็นเงิน 800,000 บาท ยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินสักบาทเดียว
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/zNw_RAZ_1J0