สังคม

พ่อแม่ร้องขับรถชนเสาไฟ ลูกสาหัส ประกันปัดรับผิดชอบ อ้างพบแอลกอฮอล์ แพทย์ยัน 2.9 มก.ไม่มีผล

โดย paweena_c

23 ก.พ. 2566

1.1K views

พ่อแม่ลูกร้องสื่อฯ ขอความเป็นธรรมหลังรถยนต์ประสบอุบัติเหตุชนเสาไฟ มีประกันชั้น 1 แต่บริษัท ประกันภัยปัดความรับผิดชอบ อ้างผลตรวจแอลกอฮอล์ 2.9 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์และเอาไปคำนวณย้อนหลัง พุ่งขึ้นมา 83 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์


จากคลิปกล้องหน้ารถกระบะ Ford Ranger ของผู้เสียหาย ช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 โดยจากกล้องจะเห็นว่ามีน้ำท่วมขังอยู่บนถนน ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะขับไปเหยียบและเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า ทำให้ผู้ที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าวมี พ่อ-แม่-ลูกและยาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส


ลูกสาววัย 7 ขวบต้นขาซ้ายหักต้องใส่เหล็กดาม , ยายกะโหลกใบหน้าแตก มีชิ้นส่วนกะโหลกหลุดออกมาต้องผ่าตัดใหญ่ถึง 2 ครั้ง ส่วน พ่อและแม่ ของเด็ก 7 ขวบได้รับบาดเจ็บตามแขนและขามีแผลฉีกตามใบหน้าต้องเย็บหลายเข็มและแอดมิดรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบางปะกอก 8


หลังเกิดเรื่องทางผู้เสียหายติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอเคลมค่าสินไหมทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถ รวมแล้วเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งตอนแรกทางบริษัทประกันภัยยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ แต่ปรากฏว่า หลังจากนั้นเพียง 1 วันทางบริษัทประกันภัยขอให้ตำรวจนำตัวคนขับไปตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด


ซึ่งผลตรวจแอลกอฮอล์ในเลือด ขึ้นมาที่ 2.92 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทางบริษัทประกันภัยนำค่าดังกล่าวไปคำนวณย้อนหลัง ปริมาณแอลกอฮอล์พุ่งขึ้นมาถึง 83.62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทำให้บริษัทประกันภัยปฏิเสธความรับผิดชอบและขอเรียกคืนค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด


นายกานต์ และ นางสาวอริสา สองผัวเมีย เดินหน้าต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมมาตลอด ตั้งแต่ปี 64 ถึงปัจจุบัน ต่อสู้ฟ้องร้องขึ้นศาล จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด แต่บริษัทประกันภัยยังไม่ยอมชดใช้ยื่นขออุทธรณ์ต่อ


ซึ่งที่ผ่านมา ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก รถคันที่เกิดอุบัติเหตุยังจอดอยู่ที่อู่เสียค่าซ่อมไป 300,000 กว่าบาท ยังไม่สามารถเอารถออกจากอู่ได้เพราะไม่มีเงินไปจ่าย ส่วนยายและลูกสาวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังต้องรักษาและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน


เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอความเป็นธรรมแต่ถูกเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลกันไว้ ไม่ให้เข้าพบ จึงเดินทางมาที่อาคารมาลีนนท์ขอความเป็นธรรมกับทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์และรายการโหนกระแส เพราะที่ผ่านมาครอบครัวได้รับความเดือดร้อนมากจากการไม่ชดใช้ค่าสินไหมของประกันภัย


ทีมข่าวฯของเราได้รับเอกสารคำอธิบายเกี่ยวกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบในร่างกายของ นายกานต์ คนขับ พร้อมทั้งติดต่อสอบถามไปยัง นายแพทย์ภาณุวัฒน์ ชุติวงศ์ แพทย์ที่ปรึกษาทางด้านนิติเวช ประจำ โรงพยาบาล บางประกอก 8 ซึ่งนายแพทย์ภานุวัฒน์ขึ้นเป็นพยานในชั้นศาลด้วย อธิบายว่า เครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดโดยมาตรฐานจะตั้งค่าพื้นฐานต่ำสุดอยู่ที่ 10 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์


ซึ่งกรณีนี้ทางบริษัทประกันภัยขอแค่ผลตรวจแอลกอฮอล์พอมีค่าปริมาณแอลกอฮอล์ 2.92 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์นำไปคำนวณคูณย้อนหลัง ซึ่งจริงๆไม่ควรทำ


นั่นหมายความว่า หากเลือดตัวอย่างที่นำเข้าตรวจค่าต่ำกว่า 10 มิลลิกรัม เปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปค่าดังกล่าวแพทย์จะไม่นำมาแปลผลหรือไม่สามารถนำไปใช้ตีค่าได้ และกรณีนี้บริษัทประกันภัยดังกล่าว ขอแค่ผลตรวจไม่ได้ขอความคิดเห็นจากแพทย์


ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ คุณนฤชา กมุทโยธิน พาผู้เสียหายไปที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. พาไปอีกรอบ เพื่อเข้าพบ นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ซึ่งเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจคลาดเคลื่อน เกณฑ์การคำนวณ ค่าปริมาณแอลกอฮอล์ย้อนหลัง หลายบริษัทไม่ใช้วิธีการนี้แล้ว


วันนี้ ทาง คปภ. ต่อสายหาบริษัทประกันภัย ให้เข้ามาพูดคุยกับผู้เสียหายในเรื่องความเสียหายต่อทรัพย์สิน 300,000 บาท และความเสียหายต่อร่างกาย 4 คนที่ได้รับบาดเจ็บ ค่ารักษาทั้งระยะสั้น-ระยะยาว โดยทางบริษัทประกันภัยดังกล่าวได้ยืนยันกับ คปภ. ว่าจะติดต่อพูดคุยเจรจากับผู้เสียหายภายในวันนี้เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย


https://youtu.be/ZUjiLABnmp8

คุณอาจสนใจ

Related News