สังคม

'ศูนย์โรคไข้เลือดออก' ชี้เริ่มมีผู้ป่วยกลุ่มเด็กอาการหนัก อาเจียน-ท้องเสีย ป่วยไข้ไม่ลด

โดย parichat_p

4 มิ.ย. 2566

67 views

สถานการณ์โรคไข้เลือดออกตั้งแต่ต้นปีนี้ พบว่า สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนถึง 3 เท่า และอีกสิ่งที่ ทำให้การระบาดของโรคไข้เลือดออกน่ากังวลนั่นเป็นเพราะ การคัดกรองอาการเบื้องต้น ที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง จึงทำให้ผู้ป่วยบางรายเข้าถึงการรักษา ล่าช้าและนำไปสู่การเสียชีวิต


ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกซึ่งสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไปโดยวัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดกับผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกมาก่อน



ยุงลาย เป็นมาตรการหลักในการป้องกันโรคไข้เลือดออก ซึ่งในการระบาดพบมี 4 สายพันธุ์ โดยในปี 2566 นี้คาด จะเป็นการระบาด ของสายพันธุ์ ที่1 และ สายพันธุ์ที่ 2 ซึ่งจะมีความรุนแรงของโรคมากที่สุด



หัวหน้าศูนย์โรคไข้เลือดออก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ระบุ หากจำแนกตามกลุ่มช่วงวัย ที่พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสูงสุดคือช่วงอายุ 15 ถึง 24 ปี รองลงมาคือเด็กช่วงอายุ 10-14ปี ซึ่งสถานการณ์ ขณะนี้เริ่มมีผู้ป่วยกลุ่มเด็กอาการหนักและต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลเฉลี่ย 5-6 ราย ต่อสัปดาห์ ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 0.08


ปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงเสียชีวิตทั้งในเด็กและผู้ใหญ่คือเข้ารับการรักษาล่าช้า เนื่องจาก อาการเบื้องต้นของไข้เลือดออกไม่แตกต่างจากไข้หวัดทั่วไป โดยข้อสังเกตโรคใข้เลือดออก ผู้ป่วยจะมีไข้สูงต่อเนื่องเกิน2วัน บางรายอาจมีผื่นแดงตามร่างกาย ในผู้ใหญ่จะไม่มีอาการไอหรือมีน้ำมูก ส่วนในเด็กอาจพบอาการอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย เมื่อถึงวันที่3 ของการป่วยแล้วไข้ยังไม่ลด ควรรีบพบแพทย์ ตรวจวินิจฉัยทันที


ทั้งนี้ผู้ที่เคยป่วยโรคไข้เลือดออกจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์นั้นๆแต่หากได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ต่างออกไป ก็สามารถเป็นไข้เลือดออกซ้ำได้อีก โดยการป่วยครั้งที่สองอาการมักรุนแรงและเสี่ยงเสียชีวิตสูง


การรักษา โรคไข้เลือดออก ยังไม่มียาต้านไวรัส เป็นการรักษาตามอาการ ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มยาต้านการอักเสบ(Nsaids) กลุ่มยาแอสไพริน ยาไอบรูโพรเฟน เพราะอาจทำให้ผู้ป่วย เกิดภาวะเลือดออกและเสียชีวิตได้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/dUDWm7_2bEw

คุณอาจสนใจ

Related News