หนังคนละม้วน ดราม่าเป็ดยางรั่ว เจ้าของพูลวิลลาเผยถูกข่มขู่ ใส่ร้าย

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีดรามา ลูกค้าปะทะเจ้าของพูลวิลลา ปมทำเป็ดเป่าลมในสระรั่วแล้วไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย

โดยเป็นเรื่องราวที่มีลูกค้าพูลวิลลาคนหนึ่งหอบเป็ดยางเป่าลมขึ้นโรงพักไปแจ้งความว่าถูกกล่าวหาทำเป็ดยางรั่ว  และเก็บค่าเสียหาย 500 บาท

โดย “เม”  ลูกค้าที่เข้าพักเผยว่า ตนและครอบครัว จองเข้าพักบ้านพูลวิลลานี้ ราคา 12,900 บาทต่อคืน เจ้าของใจดีลดให้คืนละ 2,000 บาท รวม 2 คืนราคาอยู่ที่ 21,800 บาท โอนมัดจำไว้ก่อน 10,900 บาท เข้าพัก 18 คน ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
วันที่ 13 เม.ย. เข้าไปพักตามที่จองไว้ คุณเมวางบัตรประชาชนไว้เพื่อเช็กอิน แล้วไปรับแม่ที่ อ.ศรีสวัสดิ์ กลับมาตอน 6 โมง แล้วกลับมาจ่ายส่วนที่ยังค้าว 10,900 บาท พร้อมค่ามัดจำอีก 2,000 บาท ในกรณีที่ของค่าเสียหาย ซึ่งเป็นปกติของทุกรีสอร์ตอยู่แล้ว เซ็นรับทราบเรียบร้อย แล้วเข้าพัก 2 คืน เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร

พอถึงวันที่เช็กเอาต์ พนักงานมาตรวจสอบบ้าน แล้วบอกว่า มีแก้วแตก 1 ใบ ตนก็บอกว่าให้คิดค่าแก้วมาเลย หลังจากนั้นน้องพนักงานบอกว่า “พี่คะ เป็ดรั่ว” แล้วชี้ไปที่เป็ดเป่าลมที่ลอยอยู่ในสระ ซึ่งตนไม่ได้ตรวจดูอยู่แล้ว เพราะมันลอยอยู่ของมันอย่างนั้นตั้งแต่ตอนเข้าพัก น้องพนักงานก็เครียด เพราะหากลูกค้าไม่จ่าย พนักงานก็ต้องจ่ายเอง 500 บาท

คุณลิขิต สามีของคุณเม คุยโทรศัพท์อยู่ตอนที่น้องพนักงานแจ้ง พอคุยเสร็จมาทราบเรื่องว่าเป็ดรั่ว คุณลิขิตก็โมโห เพราะก่อนหน้านี้ไปเที่ยวที่ชะอำ ก็เจอเหตุเป็ดรั่วมาแล้วรอบหนึ่ง มารอบนี้มาเจออีกรอบ รู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากล จึงโวยวายเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ว่าทำไมลูกค้าพูลวิลลา หลายรายไม่ใช่แค่ตน ถึงโดนค่าปรับเป็ดรั่วกันเยอะนัก พนักงานบอกว่า ถ้าตนไม่จ่าย เจ้าของจะหักเงินพนักงาน ตนไม่อยากให้พนักงานเดือดร้อน แต่ก็ไม่อยากจ่ายเงินเงียบๆ โดยไม่รู้ว่าเป็ดรั่วจริง หรือเป็นกลุอุบาย ตนจึงบอกให้ไปโรงพักกันเลย ถ้าพิสูจน์ได้ว่ารั่วจริง ตนจะยอมจ่ายเงิน

จากนั้นคุณลิขิต ยกเป็ดขึ้นรถไปที่โรงพัก เพราะเข้าใจว่าเป็นของกลาง สุดท้ายถูกแจ้งความลักทรัพย์ ซึ่งตรงนี้คุณลิขิตยืนยันว่าตนเจนตนาบริสุทธิ์ ขณะที่คุณเมบอกว่า ตอนเกิดเรื่องพยายามโทรหาคุณแฟ เจ้าของพูลวิลลา แต่เขาไม่รับสาย แต่พอตนกดวางหู แม่บ้านโทรไป เขากลับรับสาย แล้วบอกให้ไปเจอกันที่โรงพักลาดหญ้าได้เลย

ด้าน “แฟ” เจ้าของพูลวิลลาบอกว่า หลังเกิดเรื่องลูกค้าเอาเงินประกันที่วางอยู่บนโต๊ะไปเอง โดยบอกว่า “มึงโกงกู งั้นกูก็โกงมึง กูจะเอาไปหมดนี่แหละ” แล้วเขาก็บอกแม่บ้านว่า ไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย ให้ไปเจอกันที่โรงพัก ตนก็งงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไร แต่ก็ให้ไปเจอกันที่ สภ.ลาดหญ้า

“แฟ” บอกต่อว่าตนจบเรื่องตั้งแต่แรกแล้ว ยอมลูกค้ามาตั้ง 2 ครั้งแล้ว ตอนอยู่ที่พูลวิลลา ค่าประกันตนก็ยอมไม่เก็บเงิน ทั้งค่าแก้ว ค่าเป็ด พนักงานทุกคนก็นิ่ง พอไปที่โรงพัก เขาจะให้พิสูจน์ให้ได้ว่ารั่วหรือไม่รั่ว ตนก็ยอม ตนก็บอกว่าเป็ดเนี่ยตนจะเอากลับบ้าน ค่าประกันก็อยู่กับเขาอยู่แล้ว

ด้าน “ลิขิต” ลูกค้าบอกว่า แฟตอบคำถามตำรวจไม่ได้ว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตรวจสภาพเป็ดก่อนจะส่งมอบให้ลูกค้าหรือไม่

โดยแฟยอมรับว่าบอกตำรวจไปแล้วว่า ไม่ได้ตรวจ ตนจึงไม่เก็บค่าเสียหาย

แฟบอกว่า เรื่องนี้ตนยอมถอยสุดๆแล้ว แต่หลังเกิดเรื่องเขาเอาไปลงโซเชียล แล้วตนถูกชาวเน็ตกระหน่ำสารพัด ก็พยายามจะเงียบ ไม่คิดจะออกไปชนกับลูกค้า จนมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ มาถามว่าเป็นเพราะอะไร ตนก็ตอบไปตามข้อเท็จจริง ไม่ได้คิดจะไปท้าชนกับใคร แต่ปรากฎว่าจบเรื่องที่โรงพัก ยังเห็นคลิปที่เขาลงใน TikTok จึงส่งข้อความไปหา “เม” ว่า “ถ้าจบเรื่องแล้ว ยังไปโพสต์โซเชียลประจานแบบนี้ ถือว่าไม่จบนะคะ” ซึ่งทำให้ “ลิขิต” โมโห โกรธแทนภรรยา ส่งข้อความไปขู่ว่า รู้ไหมว่าตนเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร การส่งข้อความแบบนี้ถือว่าเล่นกับไฟ เตรียมรับมือโซเชียลได้เลย ตนไปตามสืบมาหมดแล้วว่าแฟมีสามีฝรั่ง ตนมีคลิปแฟกับสามีคนไทย จะส่งให้ถึงที่อยู่สามีฝรั่งเลย แล้วคลิปทั้งหมดจะได้ออกทีวีเป็นข่าวใหญ่แน่ เรื่องนี้จะต้องถึงสมาคมที่พักรีสอร์ตในจังหวัด

ด้าน “”ลิขิต” บอกว่า ที่ส่งไปแบบนั้น เพราะเรื่องมันจบตั้งแต่โรงพักแล้ว แต่แฟยังส่งข้อความไปหาภรรยาเขาก่อน ทำให้เขาส่งไปแบบนั้น

ส่วน “แดน” สามี “แฟ” บอกว่า ตนได้ส่งข้อความไปหาลูกค้าอีก ว่าการที่ไปโพสต์แบบนั้น ระวังผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้วจะได้รู้กันว่าใครต้องสำนึก แต่ตนคิดว่าส่งไปแบบนั้นก็คงไม่จบ ก็เลยกดยกเลิกข้อความไป

ต่อมา ”เม” ยอมรับว่า ตอนที่แฟส่งไลน์มา มันเห็นข้อความเด้งขึ้นมาบางส่วน แต่ยังไม่ได้กดอ่านข้อความทั้งหมด จึงไปบอกสามีว่าโดนขู่อีกแล้ว สามีจึงโมโห แล้วส่งข้อความไปขู่แบบนั้น

ส่วนเรื่องที่ส่งข้อความไปหาเขา บอกว่าเขามีสามีฝรั่ง  “ลิขิต”อ้างว่าทราบมาจากหมอนวดแผนโบราณ ที่มานวดให้ที่พูลวิลลา หมอนวดพูดให้ฟังว่าเขามีสามีฝรั่ง จึงส่งข้อความไปแบบนั้น

ขณะที่ ทนายแก้ว บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีสัญญาเซ็นกันตั้งแต่ตอนเข้าพัก เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องขึ้นโรงพักตั้งแต่แรก แล้วการที่เอาเป็ดออกจากพูลวิลลาไปโรงพักไม่ใช่หน้าที่ของเขา แต่ก็ไม่ถือว่าลักทรัพย์เพราะตามเจตนาเขาไม่ได้จะเอาเป็ดไปเป็นของตัวเอง

ส่วนข้อความที่คุณแฟส่งไปเตือนลูกค้า ว่าถ้าไม่จบอาจจะมีการฟ้องร้องได้ เป็นสิทธิที่จะเตือนก็ทำได้ แต่ข้อความที่คุณลิขิตส่งมาข่มขู่มันมีความผิดชัดเจน แล้วเรื่องการไปกล่าวหาเขาเรื่องสามีฝรั่ง ถือว่าหมิ่นประมาทชัดเจน การโพสต์โซเชียลต่างๆ ก็สามารถเอาผิดฐานหมิ่นประมาท ได้เช่นกัน

ส่วนฝ่ายลูกค้า ถ้ามองว่าการที่เจ้าของพูลวิลลา ส่งมาเตือน ว่าจะฟ้อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ถ้ามองว่าเป็นการข่มขู่ หรือทำให้รำคาญ ก็ไปฟ้งร้องเอาได้ แล้วให้ศาลตัดสิน

ทางคุณลิขิตยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะเอาผิดใครตั้งแต่แรก แค่ต้องการจะทำให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะมองว่าเรื่องรีสอร์ต ที่พักเรียกเก็บค่าปรับเป็ดรั่ว มันมีเยอะจริงๆ