สังคม

ดาราไต้หวันเมาไม่ใช่ประเด็น! สังคมถกยิบ ตำรวจรับเงินจริงไหม ถึงเวลาปฏิรูปหรือยัง?

โดย JitrarutP

31 ม.ค. 2566

112 views

วันที่ 31 ม.ค. 66 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ อดิศักดิ์ คนขับแท็กซี่, สายชล มัคคุเทศก์, พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ และ ไพศาล ซื่อธานุวงศ์ กรรมการสมาคมมัคคุเทศก์ ถึงกรณีที่ “ดาราสาวไต้หวัน” ร้องถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่าน เรียกเงิน 27,000 บาท บนถนนรัชดาภิเษก กลางกรุงเทพฯ

โดย คนขับแท็กซี่ ที่รับกลุ่มดาราสาวไต้หวันขึ้นรถหลังเกิดเหตุการณ์บริเวณด่านตรวจ เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่ได้โวยวายเสียงดัง ซึ่งต่างจากคำให้การที่คนขับแกร็บ (คันแรกก่อนเจอด่านตรวจ) เผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยืนยันว่าได้กลิ่นแอลกอฮอล์ชัดมาก โดยระหว่างไปส่งผู้โดยสารตามจุดหมาย ทั้งหมดอยู่ในอาการเงียบสงบ ไม่ได้มีการโวยวายเสียงดังในรถแต่อย่างใด

ขณะที่ “สายชล” มัคคุเทศก์ ให้ความเห็นในกรณีนี้ว่า ไม่ว่าผู้เสียหายจะกระทำผิดจริงหรือไม่ แต่ตำรวจก็ไม่ควรไปเรียกเงิน27,000 บาท เสียภาพลักษณ์ประเทศที่ทุ่มงบลงทุนโปรโมทการท่องเที่ยวไปอย่างมหาศาล แต่กลับมาเสียเพราเงินหลักหมื่น ที่ผ่านมาตนได้ติดต่อไปยัง “ดาราสาวไต้หวัน” คนดังกล่าวแล้ว แต่ก็ได้รับแจ้งว่า เจ้าตัวได้แจ้งความกับตำรวจอินเตอร์โพล และเผยในทำนองว่าไม่ไว้วางใจกับไทยแล้ว

สอดคล้องไปกับ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ ที่มองว่า “ดาราสาวไต้หวัน” จะเมาหรือไม่ นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือตำรวจไปเรียกเงินเขาจริงหรือเปล่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำให้ความจริงปรากฏ หากตำรวจผิดจริงต้องมีบทลงโทษอย่างเด็ดขาด พร้อมตั้งคำถามว่าถึงเวลาหรือยังที่จะมีการปฏิรูปองค์กรตำรวจ

พร้อมฝากถึงตำรวจที่ตั้งใจทำงานว่า “น้องตำรวจที่ตั้งใจทำงาน อย่าเสียกำลังใจ รวมใจกันกู้ศักดิ์ศรี ทำงานอย่างตรงไปตรงมา คอยสอดส่องพวกนอกลู่นอกทาง จัดการให้ออกไป”

ส่วนกรณีที่ตำรวจอ้างว่าห้ามถ่ายภาพนั้น “นายกสมาคมตำรวจ” เผยว่า “ถ้าตำรวจบอกอย่าถ่ายๆ จริงๆ เรามีสิทธิ์ถ่ายได้ ท่านถ่ายเลย ตำรวจถ่ายท่าน ท่านถ่ายตำรวจ ไว้เป็นหลักฐาน เป็นสิทธิ์ของท่าน” นายกสมาคมตำรวจ กล่าว...

ซึ่งในช่วงหนึ่งของรายการ นายไพศาล ซื่อธานุวงศ์ กรรมการสมาคมมัคคุเทศก์ ได้เปิดเผยว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในกลุ่มไกด์ทัวร์ได้รับแจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่พัทยา จ.ชลบุรี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ข้อหาสูบบุหรี่ไฟฟ้า

โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวถูกเรียกค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 6 หมื่นบาท แต่ได้มีการต่อรอง ลดราคาเหลือ 3 หมื่นบาท เหตุการณ์เกิดที่พัทยา ประมาณวันที่ 28 - 29 มกราคม 2566

พร้อมเผยด้วยว่า “บุหรี่ไฟฟ้าขณะนี้อัตราโทษมันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ มันจึงเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่บางท่านที่มีจิตใจทุจริต ใช้ช่องทางในการเรียกหาผลประโยชน์ นักท่องเที่ยวบางส่วนเขาไม่ทราบว่าสิ่งนี้มันผิดกฎหมาย เพราะเขาเห็นการวางขายตามแผงไปทั่ว”

คุณอาจสนใจ

Related News