สังคม
แท็กซี่ทุบ-เผารถตัวเอง ประท้วงถูกบริษัทฟ้องยึดบ้าน ทั้งที่ผ่อนค่ารถหมดแล้ว
โดย panisa_p
23 ส.ค. 2567
816 views
เมื่อเวลา 12.07 น. นายสรชัช ได้ก่อเหตุให้ค้อนทุบรถแท็กซี่สีฟ้า ที่หมดอายุให้บริการของตัวเอง และจุดไฟเผาลุกไหม้ทั้งคัน รวมถึงต้นไม้เกาะกลางถนนได้รับความเสียหาย บนถนนนวมินทร์ ระหว่างซอยนวมินทร์ 52-54 เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร พร้อมนำป้ายระบุข้อความแสดงความไม่พอใจ ถูกบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งโกง และถูกฟ้องยึดทรัพย์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมใช้น้ำเข้าดับเพลิงในที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุลุกลามบานปลาย
นายสรชัช เปิดเผยว่า สาเหตุที่ก่อเหตุเผารถตัวเอง เนื่องจากไม่พอใจบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ฟ้องศาลจนตัวเองต้องถูกพิพากษา ยึดทรัพย์ทั้งที่ส่งค่างวดครบแล้ว และถูกบริษัทบังคับให้รีไฟแนนซ์โดยไม่ได้เงินก้อนมาใช้ และต้องผ่อนชำระค่างวดเป็นเงิน 8,000 กว่าบาท เพิ่มอีก 12 งวด ซึ่งตนก็จ่ายจนครบ แต่ไม่ได้ไปโอนรถให้เป็นชื่อของตนเอง เนื่องจากรถหมดอายุในการให้บริการ จึงนำรถให้คนอื่นไปใช้ แต่ไม่ได้นำไปให้บริการผู้โดยสาร แต่กลับถูกบริษัทฟ้องยึดทรัพย์ โดยใช้เหตุผลว่าใช้รถแขวนป้าย เป็นเหตุบ้านที่เก็บเงินสร้างมาทั้งชีวิต ต้องถูกยึด เพื่อใช้หนี้มูลค่า 180,000 บาท
หลังเกิดเหตุตำรวจได้เชิญตัวนายสรชัช มาทำการสอบปากคำ ที่ สน.ลาดพร้าว โดยมีเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครเรียกค่าเสียหาย 6,000 บาท จากกรณีต้นไม้ ซึ่งเป็นทรัพย์ของกรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย ก่อนปล่อยตัว
โดยนายสรชัช เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นจนทำให้เกิดเหตุการณ์ทุบรถและเผารถ เกิดจากความอัดอั้นตันใจตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นได้เข้ามาซื้อรถแท็กซี่ ที่บริษัทขายส่งแท็กซี่แห่งหนึ่งย่านนวมินทร์ โดยมีการตกลงเพื่อผ่อนชำระค่ารถ จำนวน 48 งวด ซึ่งหากผ่อนหมดแล้วรถแท็กซี่คันดังกล่าวก็จะกลายเป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคลโดยที่ตนเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการ
แต่ทว่าเมื่อมีการผ่อนชำระครบ 48 งวดแล้วนั้น ทางบริษัทดังกล่าวได้มีการแจ้งว่าทางตนนั้นยังไม่ได้ผ่อนชำระครบทุกงวด โดยตอนนี้ขาดอีกหนึ่งงวด ได้เพราะเงินที่ผ่อนชำระรถงวดล่าสุดนั้นทางบริษัทได้นำจ่ายค่าประกันรถให้ ซึ่งเรื่องการจ่ายค่าประกันรถนั้นตนเองก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมทางบริษัทไม่แจ้งก่อนล่วงหน้า เพราะทางตนจะได้เป็นคนจ่ายเอง ก่อนที่ในเวลาต่อมาทางบริษัทนั้น บอกตนว่า ให้รถของตนนั้นรีไฟแนนซ์ เพื่อผ่อนชำระใหม่อีก 48 งวด ซึ่งถึงแม้จะสงสัยแต่ตอนนั้นมีเงินเยอะ จึงผ่อนได้ไม่มีปัญหาอะไร และเรื่องนี้ก็จบกันไปแบบที่ตนนั้นยังสงสัยอยู่
ก่อนที่ในปีที่ผ่านมา ตนได้เลิกขับแท็กซี่ไปนานกว่า 10 ปีแล้ว จู่ๆ ก็มีหมายศาลมาแปะที่หน้าบ้านของตน ซึ่งเป็นหมายศาลที่เกี่ยวกับการยึดบ้าน ทำให้ตอนนั้นทางตนก็สงสัยว่าตนเองไปทำเรื่องอะไรจนถึงต้องถูกยึดบ้าน ก่อนที่จะอ่านหมายศาล และปรากฏว่าในหมายศาลระบุว่า ทางบริษัทนั้นได้มีการฟ้องตน ในข้อหาที่มีการแขวนป้าย หรือหากพูดง่ายๆ คือการที่รถของตนนั้นได้หมดสภาพและทางกรมขนส่งไม่ได้อนุญาตให้รถของตนนั้นสามารถวิ่งอยู่ในท้องถนนได้แล้วอีกต่อไป
แต่ทว่านั่นก็เป็นความผิดของตน อีกเรื่องหนึ่งตั้งแต่มีการซื้อรถคันนี้ ไม่ยอมไปโอนเล่มตั้งแต่ตอนที่ผ่อนรถคันดังกล่าวหมดแล้ว นั่นจึงทำให้ทางบริษัทมองว่า ทางตนนั้นยังคงใช้รถของบริษัทอยู่และหากนำไปวิ่งบนท้องถนนก็อาจจะผิดกฎหมายและคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือบริษัท แต่ตนยังสงสัยและงงอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่า ทำไมหมายศาลถึงได้มีการประกาศยึดบ้านของตนด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับเรื่องดังกล่าวดังกล่าวเลย เพราะถึงแม้ตนจะนำรถไปวิ่งจริงๆ และผิดกฎหมายทางตรงก็เสียเพียงค่าปรับเท่านั้น อีกทั้งทางตนก็ไม่เคยมีความคิดที่จะนำรถคันดังกล่าวไปใช้เลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องผิดกฎหมายอยู่ดี
ซึ่งจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางตรงนั้นก็ได้ไปปรึกษาทนายและต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อสู้กับบริษัทดังกล่าว เสียเงินไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งไปปรึกษาใครก็ไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบกับตนเองได้เลยว นั่นจึงนำให้ตนเกิดความคับแค้นและน้อยใจ จึงได้นำรถแท็กซี่ที่ซื้อมาใหม่และมีการจำลองให้เหมือนกับรถคันเก่าที่สุด นำมาเผาเพื่อประท้วงบริษัทดังกล่าวที่มาทำกับตนเช่นนี้ และสุดท้ายทางตนก็ขอความเป็นธรรมด้วย