สังคม

3 เด็กสาวถูกหลอกทำงานแก๊งคอลฯ โดนบังคับโทรตุ๋นวันละ 700 สาย ถ้าทำไม่ได้ถูกส่งขายตัว ซ้อมจนตาย

โดย panisa_p

5 เม.ย. 2567

251 views

วันนี้ (4 เม.ย. 2567) นายคำผอง ตีราษ ประธานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ภาคอีสาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐของไทย โดยศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานของประเทศเพื่อนบ้าน สามารถช่วยเหลือหญิงสาวชาวไทย อายุ 25 ปี 1 ราย และเยาวชนหญิงวัย 14 ปี อีก 2 ราย รวมเป็น 3 ราย ชาวอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา ออกมาจากการถูกกักขังของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกหญิงสาวทั้ง 3 ราย ไปกักขังยังประเทศเพื่อนบ้าน แล้วบังคับให้โทรศัพท์กลับมาหลอกคนไทยนานเกือบ 1 เดือน เป็นผลสำเร็จ ซึ่งตอนนี้หญิงสาวทั้งหมดปลอดภัยดี และกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ประธานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ภาคอีสาน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งเด็กสาวทั้ง 3 คน ซึ่งประกอบด้วย น.ส.เอ อายุ 25 ปี ด.ญ.หนึ่ง และ ด.ญ.สอง วัย 14 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นญาติพี่น้องกัน ได้หายตัวออกจากบ้านไป โดยบอกว่าจะไปทำงานต่างจังหวัด ก่อนที่จะมีการวิดีโอคอลกลับมาบอกญาติ ซึ่งเป็นอาของเด็กสาวทั้ง 3 ว่า ถูกพาตัวอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้าน ทางญาติจึงพากันแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อช่วยติดตามตัวกลับคืนมา ซึ่งในช่วงแรกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่รับทราบข้อมูลก็เริ่มดำเนินการสืบหาข่าวอย่างต่อเนื่อง


จากนั้นตัวเองในฐานะที่เป็นประธานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็ได้ประสานงานไปหลายหน่วยงาน ทั้งในระดับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และระดับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงกรมการกงสุล พร้อมกับส่งรายละเอียดข้อมูลต่างๆให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสามารถติดตามตัวเด็กสาวทั้ง 3 กลับมาได้โดยปลอดภัยในที่สุด ซึ่งในรายละเอียดเชิงลึกไม่สามารถระบุได้ทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


อย่างไรก็ตา มจากการสอบถามเด็กสาวที่ถูกหลอกไปทำงานในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บอกว่า ที่ตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น เนื่องจากต้องการมีรายได้ จึงลองค้นหางานตามอินเตอร์เน็ต และบังเอิญเข้าไปในเว็บไซต์การพนันออนไลน์ ที่ประกาศรับสมัครงานอยู่ จึงได้มีการสอบถามข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊ก เบื้องต้นทางเว็บพนันบอกว่า มีงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตอบไลน์สมาชิก เงินตอบแทนเดือนละ 25,000 บาท จึงชักชวนกันลองไปทำงาน และติดต่อกับทางนายหน้าเว็บพนัน จากนั้นก็ขึ้นรถโดยสารเดินทางไปยังด่านพรมแดนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเมื่อไปถึงก็จะมีชายประเทศเพื่อนบ้านมารอรับ และพาหลบหนีเข้าพรมแดนทางช่องทางธรรมชาติ และจะมีคนมารอรับเพื่อไปยังสถานที่ทำงานอีกทอดหนึ่ง


เมื่อไปถึงเริ่มแรกก็จะมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นนายจ้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชาวจีน ให้ทำการทดสอบเพื่อเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานตอบข้อความทางแชทไลน์ ซึ่งต้องสามารถพิมพ์ข้อความที่กำหนดอย่างน้อย 30 คำต่อนาที ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถสอบผ่านในเงื่อนไขนี้ จึงถูกนำตัวส่งไปทำงานในตำแหน่งอื่น ซึ่งตอนนั้นทั้งหมดก็เริ่มเอะใจ แต่ก็ยังมีความหวังที่จะได้งาน แต่ต้องไปยังสถานที่อีกแห่ง ซึ่งเป็นตึกใหญ่มี 5 ชั้น ในนั้นมีคนไทยนับร้อยนั่งทำงานโทรศัพท์อยู่เต็มตึก ก่อนที่จะถูกบังคับให้ทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์ โทรไปหลอกคนไทย ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้หลงเชื่อแล้วให้ข้อมูลสำคัญ หากไม่ยอมทำตามก็จะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าทำร้ายร่างกาย แต่หากทำตามก็จะให้เงินเดือนเป็นเงิน 20,000 บาทต่อเดือน หยุดทุกเสาร์อาทิตย์ และสามารถใช้โทรศัพท์ได้นอกเวลางานไม่เกิน 4 ทุ่ม ขอให้ทำงานให้เป็นเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้น


จากนั้นจะกลับหรือทำงานต่อก็แล้วตามใจ ทั้งหมดจึงจำใจต้องทำตาม เพราะไม่รู้ว่าจะกลับออกไปได้อย่างไร เพราะทั้งหมดถูกห้ามไม่ให้ออกจากตึกเด็ดขาด หากใครคิดหนีก็จะมีการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ในนั้นก็จะมีคนที่ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ถูกทำร้ายร่างกายแทบทุกวัน หนักที่สุด คือ ถูกใช้ไม้เบสบอลตีจนหัก บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเลือดตกยางออกเลยทีเดียว


เด็กสาวเล่าให้ฟังอีกว่า แต่ละวันต้องโทรศัพท์อย่างน้อยวันละ 500 – 700 หมายเลข เพราะเจ้าของกิจการ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นชาวจีน หวังว่าจะมีคนที่หลงเชื่อและยอมบอกข้อมูลสำคัญอย่างน้อย 3 – 4 ราย หากใครทำไม่ได้ก็จะถูกขายตัวส่งไปที่อื่น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปทำอะไร มีคนที่อยู่ในนั้นเล่าให้ฟังว่า บางคนก็ถูกนำไปขายตัวหรือบางคนก็ถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิตก็มี


น.ส.เอ หนึ่งในเด็กสาวที่ถูกหลอก บอกว่า ก่อนที่จะถูกนำตัวออกมา ก่อนหน้านั้นตัวเองต้องแสร้งทำเป็นเชื่อฟังและทำตามคำสั่งอย่างดีโดยตลอด และก็สามารถที่จะขอใช้โทรศัพท์โดยลวงว่าจะใช้โทรหาเพื่อน เพื่อชักชวนให้มาร่วมทำงานด้วย ซึ่งในระหว่างนั้นก็ถือโอกาสโทรพูดคุยกับทางญาติพี่น้อง เพื่อแจ้งข่าวให้ทราบเป็นระยะๆ จนกระทั่งก่อนวันที่จะถูกนำตัวออกมา มีคนนำเอกสารคล้ายใบแจ้งความคนหายที่มีรูปของตัวเองและน้องๆ มาให้ดูและถามว่าใช่ตัวเองไหม เมื่อตรวจสอบว่าเป็นคนที่อยู่ในเอกสารจริง จึงมีคนประมาณ 6 – 7 คน เข้ามานำตัวเองและน้องๆ ออกจากตึก และถูกนำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่จนสามารถกลับมาได้ในที่สุด

คุณอาจสนใจ

Related News