สาวร้องปวีณา เพื่อนชวนทำงานเป็นล่ามประเทศเพื่อนบ้าน สุดท้ายถูกขายให้จีนเทาบังคับค้าประเวณี

สาววัย 28 มูลนิธิร้องปวีณา หลังเพื่อนชวนไปทำงานเป็นล่ามที่เมียนมา แต่สุดท้ายถูกขายให้จีนเทาบังคับค้าประเวณี

วันนี้ (27 มี.ค.67) นางสาวเอ อายุ 28 ปี ได้เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากเพื่อนชวนไปทำงานเป็นล่ามแปลภาษาจีนที่เมียนมาแต่ถูกขายให้กับคนจีนเทาบังคับค้าประเวณี

จากการสอบถามนางสาวเอ อายุ 28 ปี บอกว่ามีเพื่อนที่รู้จักกันติดต่อมาว่าให้ตนเองไปทำงานเป็นล่ามที่ประเทศเมียนม่าซึ่งเขาบอกว่า ปลอดภัยและเพื่อนก็อยู่ด้วย ตนเองนั่งเครื่องบินไปที่เชียงใหม่ พอถึงสนามบินเชียงใหม่ก็จะมีรถมารับตนเองไปส่งที่ดอยอ่างขางซึ่งคนที่มารับเป็นชาวเมียนม่าและเดินทางถึง8วันก็ถึงเล้าไก่ประเทศเมียนม่าจากนั้นก็มีคนจีนมารับ พอคนมารับก็ไปส่งตนเองที่บริษัทซึ่งเป็นตึกยังสร้างไม่เสร็จ พอไปถึงก็เจอกับเพื่อนและมีการพูดคุยกัน โดยเพื่อนบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีงานทำนะให้รอก่อนตนเองก็โอเครไม่เป็นไร

พอสักพักก็มีนายทุนจีนเองเงินมาให้เพื่อนตนเองซึ่งตนเองก็เห็นตอนเพื่อนรับเงิน และเขาคงจะคุยกันก่อนหน้านั้นแล้วเงินประมาณ3 แสนบาทไทยถ้าเป็นเงินจีนประมาณ 6 หมื่นหยวน และเพื่อนก็ไปจากนั้นเขาก็บังคับให้ตนเองทำงานโดยคนจีนบังคับซึ่งเขาขายเรา เขาติดต่องานมาให้เราทำเขาก็ไม่อยู่ซึ่งตนเองก็ตกใจเหมือนกัน เขาบังคับให้ตนเองค้าประเวณีให้รับลูกค้าแต่วันไม่ต่ำกว่า10 คนและต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งตนเองก็ต้องทำงานใช้หนี้ที่เพื่อนตนเองเอาเงินไป

ซึ่งพอจะหมดหนี้แล้วเขาก็ให้เซ็นสัญญาถ้าไม่เซ็นก็จะถูกเขาทำร้ายและตนเองก็ถูกขังอยู่ในห้องที่เป็นลูกกรง แต่ตนเองไม่ยอมเซ็นสัญญาเพราะไม่ไหวแล้วเขาก็ใช้ด้ามปืนตบมาที่ศีรษะตนเองสมองบวมเพราะมีเลือดคลั่งในสมองซึ่งเขาพาตนเองไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนเองก็ต้องยอมทำต่อไป การทำร้ายของเราขู่ด้วยมีด ใช้ไม้ตบตี เตะบ้างด้วย ต่อมาก็จะมีกวาดล้างพวกจีนเทาโดยรัฐบาลจีน

ซึ่งเขาจะขายตนเองให้กับแก็งคลอเซ็นเตอร์ในราคา1,500,000 บาท แต่ว่าตนเองไม่ยอม ซึ่งเขาก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันเขาก็ขายตนเองให้กับแก็งที่อยู่เมียวดีไปทำงานค้าประเวณีเหมือนกัน และมีคนที่เมียวดีบอกกับตนเองมีมูลนิธิปวีณาที่ช่วยเหลืออยู่ตนเองจึงขอยืมโทรศัพท์เขาและติดต่อมูลนิธิปวีณาให้เข้าไปช่วยเหลือตนเองอยู่ที่เมียนม่า15 เดือน

ด้านนางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องจากน.ส.เอ อายุ 28 ปี ได้ประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงของ จ.ตาก ทันที ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.67 มูลนิธิปวีณาฯ ก็ได้ทราบข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงของ จ.ตาก ว่าสามารถช่วยเหลือน.ส.เอ ออกมาได้แล้ว มูลนิธิปวีณาฯ จึงได้รับน.ส.เอ เข้าพักอยู่ในความคุ้มครองของมูลนิธิปวีณาฯ และได้ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ก่อนจะมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ พา น.ส.เอ เข้าแจ้งความ และส่งตัว น.ส.เอ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ

ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ และติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ขอเตือนภัยสาวไทยทุกคนอย่าหลงเชื่อ หากได้รับการชักชวนไปทำงานต่างแดน และประเทศเพื่อนบ้านต้องตรวจสอบจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ หรือมูลนิธิปวีณาฯ ให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีจริง และอาจจะต้องตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานตกนรกทั้งเป็น ไม่ได้เงินแล้วยังต้องเป็นหนี้ ถูกบังคับค้าประเวณี ทำงานผิดกฎหมาย และบางคนก็เอาชีวิตไม่รอด ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกคน