สังคม

หวั่นประชาชนลุกฮือ! 'ประชาธิปัตย์' วอนอย่าใช้ 'ทักษิณโมเดล' นำ 'ยิ่งลักษณ์' กลับบ้าน

โดย nut_p

9 มี.ค. 2567

81 views

'ประชาธิปัตย์' ย้ำจุดยืน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องไม่มีคดีทุจริต และ คดี 112 เหตุคดีเหล่านี้ไม่เกี่ยวแรงจูงใจทางการเมือง กังวลอาจนำคดีจำนำข้าวพิจารณาด้วย วอนอย่าใช้ 'ทักษิณโมเดล' นำ ยิ่งลักษณ์ กลับบ้าน หวั่นประชาชนลุกฮือ



นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะมีนิโทษกรรมโดยการนับเวลาจากช่วงเหตุการณ์โดยเริ่มนับจากวันที่ 1 มกราคม 2548 และจะมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อที่จะเก็บสถิติคดีที่เกิดขึ้น ที่เกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเมือง เพื่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในชั้นตำรวจ คดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรม และองค์กรอื่น และในส่วนของมาตรา 112 นั้นก็ยังไม่มีความชัดเจน ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว



ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการนับช่วงเวลาของกรรมาธิการ แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหา คือความไม่ชัดเจนของกรรมาธิการในเรื่องคดีทุจริต ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาแล้วจะพิจารณาไปในแนวทางใด ตนไม่ได้ก้าวล่วงแต่มีความเป็นห่วง แต่ถ้ารวมคดีทุจริตไปด้วยพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะที่ผ่านมาองคาพยพของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยมีพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม คดีทุจริต ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้ว และคดีที่ยังไม่แล้วเสร็จอาจจะทำให้หลุดไปด้วย



รวมถึงคดี 112 พรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นว่า ไม่ควรที่จะมีการนิรโทษกรรม เพราะทั้งคดีทุจริตและคดี 112 ไม่ได้มีเหตุแรงจูงใจจากทางการเมือง ที่จะต้องให้เกิดกระทำความผิดในเรื่องดังกล่าว



ดังนั้น 2 เรื่องนี้เป็น 2 เรื่องที่สำคัญที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ติดตามและแสดงจุดยืน ว่าไม่เห็นด้วยถ้าจะมีการนิรโทษกรรมในคดีทุจริตและคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ส่วนคดีอื่น ๆ คณะกรรมาธิการจะพิจารณาก็ต้องติดตามดูว่ามีองค์ความผิด ฐานความผิดใดบ้างที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจาณา ซึ่งทำถูกต้องแล้วที่ไม่เอาตัวบุคคลเป็นที่ตั้ง



เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการนิรโทษกรรมจากกฎหมายดังกล่าว นายราเมศ ยอมรับว่ากังวล เพราะในกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ผ่านมามีการให้สัมภาษณ์ของบุคคลในรัฐบาลว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองจนเกิดเป็นคดีทุจริตรับจำนำข้าว ที่เขาอ้างว่าตั้งต้นมาจากปฏิวัติรัฐประหาร แล้วนำมาสู่การดำเนินคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ความเป็นจริงแล้วในส่วนของคดีจำนำข้าว เกิดขึ้นด้วยระบอบประชาธิปไตย ตรวจสอบภายใต้ฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ได้มีการยื่นเพื่อดำเนินคดีต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ขณะนั้น และไม่ได้เป็นกระบวนการที่เกิดจากการกลั่นแกล้ง ซึ่งท้ายที่สุด คดีก็ขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็หนีคดีๆออกนอกประเทศ



"ถามว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ก็ต้องกลับไปอ่านมาตรา 157 การที่มีความผิดก็ต้องตั้งต้นมาจากเจตนาว่ามีความผิดแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่นคำพิพากษาศาลฎีการะบุไว้ชัดเจน เชื่อว่าคณะกรรมาธิการจะมีการนำคดีทุจริตของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาพิจารณาด้วย"



ส่วน รัฐบาลอ้างว่ายึดหลักยุติธรรม หลักกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดินแต่ขณะนี้แนวทางของรัฐบาล ทำตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง หลักนิติธรรมที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน รัฐบาลนี้เหยียบย่ำคำว่าหลักนิติธรรมไม่มีชิ้นดีวันที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐบาลแถลงเรื่องยึดหลักนิติธรรม ไว้เป็นประเด็นแรก ๆ แต่กลับทำตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง



นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีข่าวว่าจะเดินทางเข้าประเทศ ว่าไม่มีใครห้าม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพรา ะน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนไทย สามารถกลับเข้าสู่ประเทศได้แต่เมื่อกลับเข้าสู่ประเทศแล้ว ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ว่าจะคดีที่เป็นมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องจับตาดูว่าจะใช้กรณีทักษิณโมเดลหรือโล่ทักษิณเป็นแนวทางในการที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหลักการหรือไม่



เบื้องต้นคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็เป็นหน่วยงานหลัก ส่วนจะใช้ระเบียบตัวใด ตนคิดว่าไม่อยากให้ใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งเป็นระเบียบใหม่ กับกรณีต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งพรรคก็จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะ ไม่แน่ใจว่าจะใช้กระบวนการใดหากใช้ทักษิณโมเดลอีกตนเชื่อว่าความขัดแย้งในบ้านเมืองก็จะมากขึ้น พี่น้องประชาชนที่ไม่เห็นด้วยก็จะมากขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News