สังคม

หนุ่มเครียด กู้เงิน 7 แสน เจอแก๊งเงินกู้โหด หาจ่ายวันละ 4 หมื่น หมด 1.4 ล้าน เงินต้นไม่ลด

โดย JitrarutP

7 มี.ค. 2567

242 views

หนุ่มเชียงใหม่ เครียด กู้หนี้นอกระบบหมุนเงินไม่ทัน เจอ “แก๊งเงินกู้โหด” ตามราวี ต้องหาเงินจ่ายวันละ 4 หมื่นบาท หมดไปแล้ว 1.4 ล้าน แต่เงินต้น 7 แสน ยังเท่าเดิม ปาดเหงื่อตอนนี้หมดหนทางหาเงิน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 37 ปี เจ้าของร้านประดับยนต์แห่งหนึ่งในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ นำหลักฐานทั้งเอกสารและภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าพบ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสมาพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักและเครียดจนถึงขั้นแทบจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา จากการที่ถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบข่มขู่คุกคามติดตามทวงหนี้ที่หน้าร้านทุกวันๆ ละหลายครั้ง จนลูกค้าไม่กล้าเข้าใช้บริการ ทำให้ไม่มีรายได้มาจ่าย และต้องปิดร้านหนีเพราะหวาดกลัว เนื่องจากเคยไปร้องขอความช่วยเหลือที่อำเภอและแจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว แต่ไม่มีผลตอบรับ โดยที่ผ่านมาได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามโครงการของกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ



นายเอ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า เริ่มกู้ยืมมาใช้จ่ายหมุนเวียนในการทำธุรกิจครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ธ.ค.66 จากการไปเห็นโฆษณาในเพจเฟซบุ๊กชื่อ “เงินกู้เชียงใหม่” ที่ปล่อยกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 โดยครั้งแรกได้กู้ยืมเงินมา 20,000 บาท และให้ผ่อนจ่ายเป็นรายวันๆ ละ 1,000 บาท จำนวน 24 วัน เป็นเงินรวม 24,000 บาท แต่เมื่อผ่อนจ่ายไปได้ประมาณ 10-12 วัน ทางผู้ให้กู้จะเกลี่ยกล่อมให้ตัดยอดเดิมและกู้เพิ่มซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับมีผู้ให้กู้รายใหม่อีกหลายรายที่เป็นเครือข่ายเดียวกันสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาปล่อยเงินกู้ให้อีกเรื่อยๆ จนมีเจ้าหน้าหนี้รวมกัน 31 ราย และยอดหนี้ทั้งสิ้นกว่า 700,000 บาท ซึ่งตัวเองต้องผ่อนจ่ายรายวันให้เจ้าหน้ารวมกันมากถึงวันละ 40,000 บาท โดยผ่อนต่อเนื่องทุกวันมาตลอด 2 เดือน จนกระทั่งปลายเดือน ก.พ.67 ที่ผ่านมาประสบปัญหาในครอบครัวจากการที่แม่ป่วยหนักและต้องใช้เงินรักษาตัวจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถผ่อนได้เช่นเดิม



ต่อมาจึงพยายามเจรจากับเจ้าหนี้ทุกรายว่าอยากจะขอผ่อนผันเปลี่ยนเป็นผ่อนจ่ายหนี้ที่เหลือให้เป็นรายเดือน รวมทั้งต่อรองขอปรับยอดหนี้ให้เหลือตามความเป็นจริงด้วย เนื่องจากตัวเองผ่อนจ่ายให้ทุกวันมาโดยตลอดเป็นเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.4 ล้านบาทแล้ว และมีหลักฐานยืนยัน แต่ปรากฏว่ายอดหนี้ยังคงเหลืออยู่ที่กว่า 700,000 บาทเท่าเดิม ซึ่งทางด้านเจ้าหนี้นอกระบบไม่ยินยอม ในขณะตัวเองก็ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายหนี้รายวันได้เช่นเดิมจนต้องหยุดจ่าย ทำให้จากนั้นเป็นต้นมามีการติดตามทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่คุกคามที่หน้าร้านทุกวันๆ ละหลายครั้ง จนลูกค้าไม่กล้าเข้าใช้บริการ และทำให้ตัวเองไม่มีรายได้ รวมทั้งมีการส่งข้อความหรือโทรศัพท์ด้วยทำให้ตัวเองหวาดกลัวและรู้สึกอับอายจนต้องปิดร้านหนี พร้อมทั้งให้แม่ที่ป่วยหนักและลูกชายอายุ 14 ปี ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่น เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยด้วย



โดยจากกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ตัวเองได้ไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามโครงการของกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ในขณะที่ยังคงถูกเจ้าหนี้ข่มขู่คุกคามอยู่ทุกวัน จึงได้ไปติดต่อสอบถามขอความช่วยเหลือจากทางอำเภอหางดง ซึ่งได้รับคำตอบว่าแม้เหตุจะเกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอหางดง แต่เนื่องจากชื่อตามทะเบียนบ้านของตัวเองอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงต้องใช้เวลารอขั้นตอนการดำเนินการและยังไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ นอกจากนี้ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรหางดง กรณีที่ถูกเจ้าหนี้ข่มขู่คุกคามด้วย แต่ตำรวจบอกว่าทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น เพราะยังไม่มีการกระทำความผิด



กระทั่งล่าสุดได้ตัดสินใจเข้าพบ นายบุญญฤทธิ์ ตามที่มีผู้แนะนำ เพื่อขอความช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม โดยยืนยันว่ายังจะชดใช้หนี้คืนให้เจ้าหนี้ แต่ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและหักลดจากที่จ่ายไปแล้ว รวมทั้งให้เลิกข่มขู่คุกคาม เพื่อให้ตัวเองยังสามารถทำมาหากินและมีรายได้มาใช้หนี้

ด้านนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสมาพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหายรายนี้ได้รับความเดือดร้อนและรู้สึกกดดันอย่างมากจากการถูกข่มขู่คุกคามทวงหนี้ รวมทั้งได้เข้าขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งๆ ที่ปรากฏการทำผิดกฎหมายชัดเจน ทั้งการให้กู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและการทวงหนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นความผิดอาญา และเจ้าหน้าที่จะปฏิเสธการร้องทุกข์ของผู้เสียหายไม่ได้

โดยจากนี้เมื่อรับเรื่องจากทางผู้เสียหายแล้วจะเร่งประสานไปยังทางอำเภอหางดงและสถานีตำรวจภูธรหางดง ซึ่งหากทางผู้เสียหายยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ตัวเองจะเตรียมพาผู้เสียหายรายนี้ไปร้องเรียนโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในช่วงการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดพะเยาในช่วงกลางเดือน มี.ค.67 เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง เนื่องจากการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

คุณอาจสนใจ

Related News