สังคม

พี่ชายคนโตหลั่งน้ำตา ยอมเสียสละไม่เข้า รร.เพื่อทำงานส่งน้อง 3 คนเรียน สุดท้ายถูกฮุบที่ดินมรดก

โดย panisa_p

13 ก.พ. 2567

167 views

จากกรณีเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายมงคล รัตนไพบูลย์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/10 หมู่ที่ 7 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พบ ร.ต.ท.วีรชัย มงคลไทร รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องที่ดิน เนื้อที่ 200 ตารางวาที่ถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็นของคนอื่นตั้งแต่ปี 60 โดยถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของนางสาวรัตนภา รัตนไพบูลย์ น้องสาว โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบรายละเอียดการโอน


สำหรับที่ดินผืนดังกล่าวเป็นผืนสุดท้ายที่พ่อแม่แบ่งให้ มีเนื้อที่ประมาณ 2 งาน น้องสาวได้ขอสลับแปลงกัน ตอนไม่นายมงคลไม่ค่อยสบาย และจากการที่นายมงคลไม่ได้เรียนหนังสือ จึงอ่านหนังสือไม่ออก เหตุเกิดเมื่อปี 60 แต่มาทราบเรื่องเมื่อ 7 ก.พ.67 โดยในครั้งที่น้องสาวมาขอสลับเปลี่ยนโฉนดเพื่อขอจดใช้ทางร่วมภาวะจำยอม แต่สุดท้ายมาตรวจสอบโฉนดที่ดินกลับกลายเป็นชื่อของน้องสาวไปแล้ว นายมงคลพยายามสอบถามน้องสาวกลับหลบหน้าไม่ยอมให้พบ


นายมงคล กล่าวว่า ตนพึ่งมารู้ว่าที่ดินกลายเป็นชื่อของน้องชาย และน้องสาว เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์67 ที่ผ่านมาเนื่องจากจะไปทำเรื่องจดทะเบียนยินยอมเปิดทางเข้าออก จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับน้องเลยเขาหลบหน้าหลบตาหนี ไม่กล้าคุยกับตน ส่วนแม่ก็ยังมีชีวิตอยู่แต่แม่แก่แล้วไม่รู้เรื่อง อายุ 73 ปีแล้ว จนล่าสุดขณะนี้เขาปิดบ้านช่องปิดหมดไม่ให้ตนเข้าไปพบแม่ และเขาปิดกั้นทางหมดไม่ให้ตนผ่านเลย


สาเหตุที่ตนอ่านหนังสือไม่ออก เพราะตอนเด็ก ตนออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยพ่อแม่ทำงาน ส่งให้น้องเรียนหนังสือ แต่เมื่อโตมาน้องยังมาโกงที่ดินที่พ่อแม่แบ่งให้ตนอีก ตนขอคืนที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย เพราะตอนนี้ตนไม่มีอะไรเหลือแล้วทอง 2 บาทที่ฝากกับน้องสาวไว้ก็หมด น้องสาวบอกว่าเป็นทองปลอม


ทั้งนี้นายมงคล ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ ร.ต.ท.วีรชัย มงคลไทร รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ให้ดำเนินคดีกับ 1. นางสาวรัตนภา หรือ ธัญญ์ชินัน รัตนไพบูลย์ 2. นายนพดล รัตนไพบูลย์ 3.น.ส.จรีรัตน์ รัตนไพบูลย์ ที่ได้หลอกลวงผู้แจ้งให้เซ็นต์ชื่อ หลอกว่าเป็นการสลับที่ดิน แต่ตนอ่านหนังสือไม่ออก จึงเซ็นชื่อให้ไป จนมาทราบเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ว่าที่ดินชื่อเป็นของคนอื่นไปแล้ว จึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่พักของ นายมงคล พบนางจุก น้องสะใภ้ เมียของนายอุดม รัตนไพบูลย์ อายุ 55 ปี น้องชายนายมงคล ได้นำโฉนดที่ดินมาชี้และกล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นของนายมงคล ปัจจุบันเป็นของนางสาวรัตนภา หรือชื่อใหม่คือนางสาวธัญชินันท์ แล้วแปลงอื่นๆก็เป็นของนายประคอง นายอุดม นางสาวจรีรัตน์ ส่วนอีกแปลงก็จะเป็นของนางสาวจิรารัตน์กับนพดล มีชื่อร่วมกัน อีกแปลงเป็นของ นายนภดล และณัฐนพิน


น้องสะใภ้ กล่าวว่า ต่อมาทั้ง 3 คนบอกนายมงคลว่า พาไปสลับแปลงที่ดินกัน โดยให้นายมงคลสลับมาเป็นเจ้าของแปลงของนายนพดล แต่หลังจากไปทำเรื่องแล้วนายมงคลไม่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินเลยสักแปลง ซึ่งนายมงคลเพิ่งมารู้เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 67 ที่ไปทำเรื่องยื่นให้แปลงของนายมงคลและแปลงของนายอุดม เป็นภาระจำยอมให้ที่ทุกแปลงเพื่อเป็นทางผ่านออกไปถนน หลังจากนายมงคลทราบเรื่องว่าไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินจึงไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง


ด้านนายอุดม รัตนไพบูลย์ อายุ 55 ปี น้องชายนายมงคล กล่าวว่า รู้เรื่องราวของนายมงคลพี่ชายคนโตมาโดยตลอด แม่แบ่งที่ดินให้ไม่เท่ากันแต่จะได้กันคนละ 2 งานขึ้น อาจจะมีเศษนิดหน่อย บางคน 2งาน 50 ตารางวาพร้อมบ้าน 2 หลัง การแลกแปลงที่ดินก็รู้ว่าจะไปจดภาระจำยอมกัน จึงรู้ว่าชื่อนายมงคลพี่ชายไม่มีชื่อเป็นเจ้าของแล้ว กลายเป็นชื่อน้องสาว ตนก็เพิ่งรู้พร้อมกับนายมงคลในวันนั้น เพราะตนต้องไปจดภาระจำยอมเช่นกัน


นายอุดม กล่าวอีกว่า ก็อยากให้พี่ชายได้รับความยุติธรรมในตัวเขาด้วย เพราะถูกข่มเหงรังแกมานาน เขาก็ลำบากมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีใครดูแล น้องก็ไม่มาดูแล ข้าวปลาเขาก็ช่วยเหลือตัวเองไม่มีใครมาหุงให้กิน เขามีเพื่อนอยู่ตรงท้ายแปลงที่ดินอาศัยกระต๊อบอยู่ ก็อาศัยข้าววัดมากิน ตอนนี้เขาให้ไปอยู่ปลายนาแต่บ้านก็ถูกตักน้ำตัดไฟหมด


ส่วนตอนนี้นายมงคลและตนเอง ก็เข้าหาแม่ไม่ได้ เพราะมีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่เป็นคดีที่เขาหาว่าตนไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ตามจริงตนมาทุกเดือนแม่เดือดร้อนก็ให้เงินครั้งละ 20,000-30,000 บาท ตนก็กระดากใจ อยากจะให้พี่น้องคืนที่ดินให้แก่นายมงคลไป น้องน่าจะรู้อยู่แก่ใจ เพราะเขาตั้งใจเอาที่ของพี่หมด เพราะว่านายมงคลสุขภาพไม่ดี เขาผ่าตัด เขาเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต เขาจะตายเมื่อไรไม่รู้ แต่พอดีพี่เขาไม่ตายหลังจากผ่าตัดหัวใจเมื่อปี 60 หลังจากผ่ามา 2 ปีเขาก็เดินไม่ค่อยไหว ยังเป็นอัมพาตอยู่ซีกหนึ่ง


นายอุดม กล่าวว่า แต่บ้านนี้พี่น้องก็ไม่ค่อยรักกันเรื่องสมบัติ เมื่อก่อนนายมงคลพี่ชายก็เคยเรียนหนังสือแต่เรียนไม่จบ ครูบอกว่าอ่านหนังสือไม่ออก สมัยก่อนลูกคนโตพี่ชายและตนลำบากมาก ต้องรับจ้างขุดดินสาดเลนถางหญ้า เกี่ยวข้าวหอบข้าวทำทุกอย่าง นำเงินให้แม่ให้น้องไปเรียนหนังสือ ส่วนตัวจบ ม.3 ส่วนพี่ชายคนโตไม่ได้เรียนเลยเขาลำบากมาก ทำงานส่งแม่ส่งน้องเรียนหนังสือ


นายวิสูตร ลานทอง อายุ 57 ปี เสื้อฟ้า ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง กล่าวว่า เรื่องปัญหาที่ดินของนายมงคลที่ไม่มีชื่อเขาเป็นเจ้าของเลย ตนไม่รู้เพิ่งจะรู้เมื่อวาน แต่เมื่อตอนที่เขาแบ่งสมบัติที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อและแม่ตนรู้ แต่เรื่องเขาไปเซ็นกันยังไงตนก็ไม่รู้เลย ถ้าพี่น้องเขาคุยกันได้ก็ไม่เสียหาย ส่วนนายมงคลเรียนหนังสือบ้างไม่ได้เรียนบ้างเพราะเขาเรียนรุ่นเดียวกันกับตน ตอนเขาออกจากโรงเรียนก็สะกดหนังสือได้บ้างผิดๆถูกๆ แล้วเขาออกมาทำงานส่งน้องเรียนหนังสือ เพราะเขามีน้องหลายคน สมัยก่อนนั้นก็ออกมาทำสวนทำนาไม่มีอะไร โดยทาง ร.ต.ท.วีรชัย มงคลไทร รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ร้อยเวรเจ้าของคดี นัดให้พี่น้อง ทั้งหมดเดินทางไปที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อสอบปากคำเบื้องต้น

คุณอาจสนใจ

Related News