คลิปเณรปาร์ตี้มาม่าซอยกัญชาในกุฏิ-ผูกโบว์แต่งหญิง เจ้าตัวแจงอ้างถูกหลวงพี่บังคับ

กรณีเพจเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปสามเณรสองถึงสามรูป กำลังทำมาม่าในกระทะไฟฟ้า และมีการเต้นอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งผูกโบว์ที่หัวและนำสบง-จีวรแต่งเป็นหญิง พร้อมเผยแพร่ภาพบุหรี่เขียงซึ่งมีของวางอยู่บนเขียงเป็นลักษณะเหมือนยาเส้นหรือกัญชาที่ถูกหั่นฝอย พร้อมข้อความระบุว่า “ชาวบ้านเอือม วอนเป็นกระบอกเสียงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ มีพระเณร พฤติกรรมไม่เหมาะสมในสมณะเพศ ย้ายมา 3 วัดแล้วครับ ชาวบ้านต่างเอื่อมระอา ไม่ค่อยมีคนเข้าวัดเลยครับ ไม่อยากให้ศาสนาต้องเสื่อมครับ สามเณรทั้ง 2 รูป สามเณร ท. และ สามเณร ศ. ครับ ท. คือคนที่หั่นกัญชาและมีโบว์ผูกที่หัวครับ ศ. คือคนที่ กินมาม่า และ แต่งกายคล้ายหญิงครับ“


ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวและได้ข้อมูล คลิปดังกล่าว และได้คุยกับนายเอ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นชาว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านข้อความแชทว่า เณรทั้ง 2 ในตัวอำเภอบ้านฝาง โดนไล่ไปอยู่ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง เพราะชาวบ้านรับพฤติกรรมไม่ได้ พอไปอยู่ที่ศูนย์ฯ ก็มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอีก ก็ได้ย้ายไปอยู่วัดอื่นอีก

ซึ่งที่ผ่านมาเคยบอกพระอาจารย์ผู้ปกครอง ไปแล้วแต่ก็ยังนิ่งครับ มีพฤติกรรมอีกอย่างคือชอบออกแปลงร่างไปเที่ยวกลางคืน ส่วนตัวไม่รู้จักกับเณรทั้งสองรูป แต่มีคนส่งคลิปดังกล่าวต่อๆกันมาและมาถึงตนเอง จึงมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ที่ควรเอาจริงเอาจัง และในภาพยังมีการเสพกัญชา ถ้าไม่เอาไปบำบัดก็สึก เพราะเป็นเรื่องยา ส่วนอีกเรื่องคือฉันอาหารตอนกลางคืน ควรฉันได้เฉพาะเวลาเจ็บป่วย และ ควรฉันในที่ลับหูลับตา ไม่มีคนเห็น และไม่ควรนำวัยรุ่นเข้ามาในวัด ตอนนี้ยังพบว่าพาเพื่อนวัยรุ่นในอำเภอบ้านฝางมาจับกลุ่มเล่นกันที่วัดด้วย ซึ่งอยากจะฝากในเรื่องนี้ถ้าไม่นำไปบำบัดก็ควรให้สึก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก


ต่อมาวันนี้ (21 กันยายน 2566) เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดดังกล่าว จังหวัดขอนแก่น โดยได้เข้าไปสอบถาม เจ้าคณะตำบลบ้านฝาง ถึงข้อเท็จจริงกรณีกล่าวทราบว่า เหตุการณ์ในคลิปและภาพที่ระบุว่าเสพกัญชาไม่ได้เกิดขึ้นภายในวัดแห่งนี้แต่อย่างใด โดยเณรในคลิปเพิ่งย้ายมาจำวัดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 กันยายน 2566) ซึ่งพ่อแม่พามาขอฝากเพื่อ ขอจำวัดและเดินทางไปเรียนในโรงเรียนที่ในตัวอำเภอบ้านฝาง จึงได้รับไว้ และไม่ได้ทราบมาก่อนว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกศิษย์โทรศัพท์มาบอก ว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่วัด จึงได้เรียกเณรที่ปรากฏในคลิปมาสอบถาม ซึ่งจากการสอบถามเณรบอกว่า อยู่ในคลิปเป็นตัวเองจริง กินมาม่าจริง แต่ภาพที่ระบุว่าเสพกัญชานั้น ไม่ใช่กัญชา อีกทั้งภาพและคลิปดังกล่าวถูกถ่ายเอาไว้นานนานแล้วก่อนที่จะมาที่วัดแห่งนี้


เจ้าคณะตำบลบ้านฝาง บอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่า แม้เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นที่วัดที่ตัวเองปกครองดูแลอยู่โดยตรง แต่เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นและสามเณรก็ยอมรับว่าทำจริง จึงได้ติดต่อไปหาผู้ปกครองพ่อแม่ของสามเณรทั้ง 3 รูป ให้มารับกลับและจะพิจารณาทำการสึก ตามวินัยและข้อปฏิบัติของสงฆ์ แต่ในส่วนของสามเณรนั้นเป็นการสื่อไม่ใช่การปาราชิก ก็ยังสามารถกลับมาบวชได้เมื่อสองนึกต่อความผิดที่ได้กระทำขึ้นแล้ว


ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับสามเณรทั้งสามรูป อายุ 13-14 ปี ที่อยู่ในคลิป ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ภาพและคลิปยืนยันว่าเป็นตัวเองจริง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นหลวงพี่ที่ไม่ชอบตนเองทั้งสามรูป คอยหาเรื่องกลั่นแกล้ง ในคลิปก็ยืนยันว่าเต้นจริง แต่ทำตามที่หลวงพี่สั่ง ซึ่งจับแต่งตัวและบังคับให้เต้นก่อนจะถ่ายคลิปลง TikTok รวมทั้งมีการนั่งทานมาม่าด้วยกันซึ่งก็ยอมรับว่าทานจริงๆเพราะหิวและหลวงพี่ก็ร่วมวงทานด้วย ซึ่งเป็นคลิปที่มีการถ่ายเอาไว้นานแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ส่วนภาพที่ระบุว่าเป็นการเสพกัญชานั้นในภาพยืนยันว่าไม่ใช่กัญชาแต่เป็นยาเส้น โดยที่ถ่ายภาพนั้นเป็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงนั้นพากันเข้าไปเล่นในกุฎิของหลวงพี่รูปหนึ่งในวัด กระทั่งไปเจอขวดดังกล่าวอยู่ในซอกหลืบมุมห้อง ก็พากันเอาออกมาดู เป็นช่วงที่หลวงพี่กลับมาเห็นพอดี พร้อมทั้งบอกให้จับขวดเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่ามีการแอบถ่าย กระทั่งมีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวในโซเชียล และหลวงพี่มักจะชอบกลั่นแกล้งอยู่ตลอด ซึ่งก็ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อแม่แล้วกระทั่งย้ายมาที่วัดนี้เมื่อวาน และมีภาพและคลิปดังกล่าวออกมากล่าวหาซึ่งไม่ไม่เป็นความจริง ส่วนสาเหตุที่แกล้งตนเองไม่ทราบเพราะเพิ่งบวชได้ไม่นาน เหมือนถูกรับน้องใหม่


อย่างไรก็ตามภายหลังจากทางเจ้าคณะตำบลทราบเรื่องก็ได้ทำการตรวจสอบ ซึ่งภาพและคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นภายในภายในวัดในตัวอำเภอบ้านฝาง แต่ในส่วนของทางวินัยส่งนั้นจะต้องทำการสึกเณรทั้งสามรูป และแจ้งพ่อแม่ผู้ปกครองมารับกลับไป ทั้งนี้ เพื่อปกป้องพุทธศาสนาให้มีความน่าเลื่อมใสศรัทธาในสังคม