ช้างป่าภูหลวงถูกยิงตายใกล้หมู่บ้าน กระสุนเจาะหน้าผาก 4 จุด จนท.เร่งหาหลักฐานมือยิง

อนาถใจ ช้างป่าภูหลวงถูกยิงตายคาป่า กระสุนเจาะหน้าผาก 4 จุด ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3-4 กม. เจ้าหน้าที่เร่งหาหลักฐานมือยิง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง (ภูเรือ) ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบช้างป่านอนเสียชีวิตอยู่บริเวณวังไคร้ ริมน้ำหมัน บ้านน้ำพุ ตำบลศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่และเข้าไปตรวจสอบ

บ้านน้ำพุมีช้างป่าภูหลวงประมาณ 3 ตัว ออกมาหากินในพื้นที่แปลงเกษตรของชาวบ้านมานานกว่า 2 เดือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ได้เฝ้าระวังและขับไล่กลับป่าภูหลวง แต่ก็ไม่เป็นผล และยังได้ประสานชาวบ้านน้ำพุให้ระมัดระวัง ขณะ ออกไปกรีดยางหรือไปสวนในเวลากลางคืนและกลางวัน

บริเวณที่เกิดเหตุ อยู่หุบเขาของบ้านน้ำพุ ห่างจากบ้านประมาณ 3-4 กิโลเมตร ช้างนอนเสียชีวิตตรงป่าหญ้าคา สภาพ นอนตายมาไม่ต่ำกว่า 5-7 วัน ซึ่งช้างตัวนี้ เป็นเพศผู้ อายุประมาณ 30 ปี

นายนเรศ ศรีบุรินทร์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันสัตว์ป่าภูหลวง กล่าวว่า จากการตรวจสอบ โดยการใช้เครื่องวัดหาวัตถุ พบมีรอยกระสุนปืนลูกซอง ประมาณ 6-7 รู และตรวจพบวัตถุที่บริเวณหน้าผากช้าง 4 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ช้างตายได้ ขนาดของลูกปืนยังไม่แน่ชัด ต้องผ่าพิสูจน์ออกมาดู และช้างเป็นเพศผู้ อายุประมาณ 30-40 ปี จะเป็นช้างที่เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามอยู่ทั้งหมด 3 ตัว ตัวที่ตายคาดว่าเป็นตัวเล็กสุด น่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6-7 วัน และจุดที่ยิงเข้าหน้าผากของช้างเป็นการยิงจากบนที่สูง เพราะอยู่หน้าผากเหนือตาขึ้นไป แล้วช้างได้เดินลงมาตายที่บริเวณนี้ ซึ่งให้เจ้าหน้าที่เดินสำรวจบริเวณโดยรอบเพื่อหาหลักฐานเพิ่ม ขณะที่ช้างจะได้รอเจ้าหน้าที่จากกรมเข้ามาพิสูจน์ หาสาเหตุของการเสียชีวิต

ด้านนายละ เชื้อบุญมี ชาวบ้านที่พบช้างตายคนแรก กล่าวว่า เมื่อวาน (16 ส.ค. 2566) ช่วง 16.00 น. เขามาหาเห็ดบริเวณนี้ เดินผ่านแถวนี้แล้วได้กลิ่นอะไรเหม็นๆ จากนั้นก็มองเห็นช้างนอนอยู่ ก็ตกใจ ตอนแรกกลัว คิดว่า ช้างยังไม่ตาย แต่ก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยเห็น เขามากรีดยางอยู่ใกล้ๆ นี้ มีแต่ผู้ใหญ่บ้านที่ประกาศให้ชาวบ้าน ระมัดระวังช้างป่าที่ออกมาหากินจุดนี้

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ได้หาข้อมูลบริเวณที่เกิดเหตุให้ได้เยอะที่สุด เพื่อจะได้ไปแจ้งความหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป