สังคม
‘กระติก’ โต้คุณแม๊ ยันไม่ได้ใช้บัตรเครดิต ‘แตงโม’ เผยไทม์ไลน์ที่ตัดบัตรยังอยู่บนเรือ
โดย nicharee_m
17 มิ.ย. 2566
64 views
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) คุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่ของแตงโม นิดา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบหลังพบข้อมูลว่ามีบุคคลนำบัตรเดบิต ของแตงโม ไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินหลังแตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยระบุว่า บุคคลที่ใช้เป็นคนบนเรือที่เป็นคนสนิทของแตงโม
ล่าสุด วันนี้ (17 มิ.ย.) นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก เปิดเผยกับทีมข่าว หลังถูกเพ่งเล็งว่าเป็นบุคคลที่คุณแม่กล่าวถึง โดย กระติก บอกว่า จากที่อ่านเนื้อข่าวที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าคุณแม่หมายถึงตน
ซึ่งหลังจากได้เห็นสเตทเมนท์บัญชีของแตงโมที่คุณแม่นำมาแจ้งความ ระบุว่ามีการตัดเงินจากบัตรเดบิตวันที่ 24 ก.พ. 64 เวลา 23.55 น. ซึ่งตอนนั้นทุกคนยังอยู่บนเรือวนหาแตงโมอยู่ และบนเรือก็ไม่มีเครื่องรูดบัตร ตนออกจากที่เกิดเหตุตอนประมาณตี 3 ส่วนตอนที่ลงจากเรือไปเข้าห้องน้ำ ก็ไปขอเข้าที่บ้านชาวบ้าน ไม่มีเครื่องรูดบัตรอยู่แล้ว
ส่วนรายการตัดเงินจากบัตรเดบิตอีก 2 วันหลังจากนั้นที่คุณแม่สงสัย ตนก็ไม่ทราบ แต่ยืนยันได้ว่าไม่ใช่ตน และที่ผ่านมาตนไม่เคยใช้หรือแตะต้องบัตรเครดิต บัตรเดบิตของแตงโมเลย มีแต่รับเงินส่วนแบ่งในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งแตงโมจะโอนให้เอง
ทั้งนี้ ตนอยากแนะนำให้คุณแม่สืบหาที่มาที่ไปก่อนจะมาแจ้งความหรือให้ข่าว เพราะในสเตทเมนท์ก็มีรหัสการทำธุรกรรมที่ตรวจสอบได้ คุณแม่สามารถไปตรวจสอบขอข้อมูลจากธนาคารก็ได้ว่ารายการที่ใช้ไปมีรายละเอียดอย่างไร แล้วค่อยมาแจ้งความ จะเป็นประโยชน์กว่าการออกมาพูดชี้นำสังคมให้เข้าใจผิด ทำให้คนอื่นเสียหาย ซึ่งจะทำให้คุณแม่เดือดร้อนเองด้วย
โดยตอนนี้ ตนเพิ่งได้อ่านแต่ข้อความ ยังไม่ได้ดูคลิปสัมภาษณ์ ซึ่งถ้าตนไปตรวจสอบแล้ว พบว่าคุณแม่มีการพูดพาดพิง หมิ่นประมาทตนโดยตรง ตนก็ต้องออกมาใช้สิทธิปกป้องตัวเอง เพราะที่ผ่านมา ตนยอมมาตลอด ทั้งที่ก็ได้รับความเสียหายจากการให้ข่าวแต่ละครั้งของคุณแม่มาตลอด แต่ก็ให้อภัยไม่อยากมีเรื่อง เพราะแค่คดีหลักก็วุ่นวายมากพอแล้ว
แต่ตอนนี้ผ่านมาเกิน 1 ปี คุณแม่ก็ยังไม่จบ และหลังๆ ก็มีแต่เรื่องเงิน ตนเลยไม่เข้าใจว่าคุณแม่ต้องการอะไร แต่แนะนำให้ปรึกษานักกฎหมายเยอะๆ เพราะก่อนหน้านี้ก็โดน แซน วิศาพัช ฟ้องไปแล้ว
กระติก กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องเหล่านี้ที่คุณแม่สงสัย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วและผ่านไปแล้ว ถ้าตนทำจริง ตำรวจต้องตรวจสอบเจอก่อนคุณแม่แน่นอน เพราะตนโดนสอบสวนเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องบัญชีต่างๆ ตำรวจไม่ได้มองข้ามประเด็นการทำให้เสียชีวิตเพราะผลประโยชน์ และถ้าคุณแม่อยากจะมองว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม คุณแม่จะละเส้นไม่ได้ จะมาบอกว่าให้อภัยลูกชาย 2 คน ว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ แต่กับคนที่เหลือบอกว่าเป็นฆาตกรรมมันทำไม่ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน
ส่วนเรื่องกรมธรรม์ประกันชีวิต 1 ล้านบาท คุณแม่ก็เป็นคนเอาไปฝากตำรวจไว้เอง และตำรวจก็เรียกตนเข้าไปรับ ซึ่งตนก็ทำตามหน้าที่ เก็บเงินใส่บัญชีไว้เป็นค่าเล่าเรียนของอีสเตอร์ ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย ตามกระบวนการทุกอย่าง ส่วนที่คุณแม่จะยื่นขอสิทธิในกรมธรรม์ 50% ในฐานะมารดา ก็ขอให้ปรึกษานักกฎหมายดูว่าทำได้ไหม ในเมื่อแตงโมระบุผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ไว้ชัดเจน