สังคม

นศ.วัย 17 ถูกแอบอ้างเปิดบัญชีออนไลน์ จนตกเป็นผตห.ทั่วประเทศ 6 คดี เสียหายหลายแสน

โดย chiwatthanai_t

14 มิ.ย. 2566

1.9K views

ครอบครัวนักศึกษาวัย 17 ปี ร้องถูกนำชื่อไปเปิดบัญชีออนไลน์ธนาคาร จนตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงทั่วประเทศรวม 6 คดี รวมหลายแสนบาทแล้ว ทำให้กระทบต่อการเรียนอย่างมาก


วันที่ 14 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวเบญจวรรณ อายุ 37 ปี พร้อมด้วยนางสาววรัญญา อายุ 17 ปี บุตรสาว นักศึกษาชั้น ปวช. 3 วิทยาลัยแห่งหนึ่ง ร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังจากทราบว่าขณะนี้ นางสาววรัญญา ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บบุคคลใดบุคคลหนึ่ง รวมที่ทราบแล้วทั้งหมด 6 คดี มูลค่าหลายแสนบาท ซึ่งมีอยู่ 1 คดี ที่ นางสาววรัญญา ถูกนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครราชสีมา โดยตอนนี้ทางครอบครัวอยู่ระหว่างประกันตัวในชั้นศาล และต้องเดินทางไปขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ทำครอบครัวเดือดร้อนหนัก ส่วนน้องก็ต้องมีคดีติดตัว ต้องขาดเรียนเดินทาง และกู้หนี้ยืมสินเดินทางไปสู้คดี ไม่มีสมาธิในการเรียนหนังสือ



นางสาวเบญจวรรณ ผู้เป็นแม่ เล่าว่า ตั้งแต่ต้นปี 2565 ตนเองและลูกสาวเริ่มได้รับหนังสือจากธนาคาร แจ้งว่า บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาตรัง ถูกอายัด และส่งมาเรื่อยๆ หลายฉบับ แต่ตนเองและทุกคนในครอบครัวไม่สนใจหนังสือ ก็โยนทิ้งทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นหนังสือจากแก๊งมิจฉาชีพที่มีจำนวนมาก จึงไม่ได้สนใจ เพราะไม่เคยเปิดบัญชีกับธนาคาร แต่อย่างใด จนกระทั่งเมื่อประมาณดือนกรกฎาคม 2565 ได้รับหมายเรียกจาก สน.คันนายาว กรุงเทพฯ ให้ไปรายงานตัวที่ สน.คันนายาว ในวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ว่า นางสาววรัญญา ถูกแจ้งความคดีร่วมกันฉ้อโกง จำนวนเงิน 80,000 บาท จึงตกใจและรีบนำหมายเรียกดังกล่าวไปให้ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ซึ่งอยู่ในท้องที่ช่วยดูให้ โดยทางตำรวจ สภ.ห้วยยอด ได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ สน.คันนายาว ให้ และแนะนำให้ไปรายงานตัวตามหมายเรียก ไม่เช่นนั้นจะถูกออกหมายจับ

จากนั้นตนเอง ลูกสาวและสามี ก็ได้เดินทางไปที่ สน.คันนายาว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมจะเจอเจ้าทุกข์ ก็ได้รับคำตอบว่า ชื่อของลูกสาวคือ นางสาววรัญญา ได้ถูกนำเปิดบัญชีธนาคารแห่งนี้ โดยเป็นการเปิดบัญชีแบบออนไลน์ ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน ซึ่งลูกสาวก็ยืนยันว่า เบอร์โทรดังกล่าวไม่ใช่ของตน และไม่เคยเปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารแห่งนี้ หรือธนาคารใดๆ และไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีนี้แต่อย่างใด และเมื่อได้เจอกับเจ้าทุกข์ ก็ได้ชี้แจงเจ้าทุกข์เข้าใจ ทางตำรวจจึงกันให้ นางสาววรัญญา เป็นพยาน

ต่อมาช่วงเดือนเมษายน 2566 นางสาววรัญญา ได้รับหมายเรียกอีกคดีจาก สภ.เมืองนครราชสีมา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ฯ ซึ่งทางตำรวจ สภ.ห้วยยอด ก็แนะนำให้ไปที่ สภ.นครราชสีมา ตามหมายเรียกอีก ปรากฏว่า นางสาววรัญญา ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกง ผ่านหมายเลขบัญชีเดียวกัน รวมจำนวน 220,000 บาท และได้พบกับเจ้าทุกข์ด้วย ซึ่งทางครอบครัวและลูกสาวก็ยืนยันเช่นเดียวกับคดีที่ สน.คันนายาว ว่า ไม่ใช่บัญชีของ นางสาววรัญญา แต่ถูกแก๊งมิจฉาชีพนำชื่อไปเปิดบัญชีออนไลน์ แต่เจ้าทุกข์ไม่ยอม จึงจ้างฟ้องร้องดำเนินคดี จนกระทั่งขณะนี้ถูกฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครราชสีมา เพราะน้องยังเป็นเยาวชน ทำให้ครอบครัวต้องโทรศัพท์กลับบ้านหยิบยืมเงินสด 5,000 บาท จากญาติให้โอนให้ เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว นางสาววรัญญา ออกมา ไม่เช่นนั้นจะติดคุกเยาวชน ไม่ได้เรียนหนังสือ

จนตอนนี้ยังต้องรายงานตัวทางออนไลน์กับศาลเยาวชนเด็กและครอบครัว จ.นครราชสีมา ตลอด เพราะแจ้งต่อศาลว่า ไม่สะดวกในการเดินทางไป และศาลได้นัดขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ก็จะต้องให้ นางสาววรัญญา หยุดเรียนไปขึ้นศาล และต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางอีกครั้ง โดยตอนนี้เท่าที่ให้ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ตรวจสอบเลขบัญชีดังกล่าวนี้ว่า มีคดีฉ้อโกงที่ไหนอีก พบรวมแล้ว 6 คดี คือ สน.คันนายาว จำนวน 80,000 บาท กับ สภ.นครราชสีมา 220,000 บาท รวมเงิน 300,000 บาท และมีอีก 4 คดี คือ จ.เชียงใหม่ กับ จ.ขอนแก่น แห่งละ 1 คดี และที่ จ.อุดรธานี อีก 2 คดี ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเงินรวมกันเท่าไร แต่คาดว่าหลายแสนบาทแน่นอน ซึ่งทางครอบครัวไม่ทราบจะต่อสู้อย่างไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ทางครอบครัวได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง เพื่อขอรายละเอียดการเปิดบัญชีดังกล่าว และยืนยันว่าไม่เคยเปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารแห่งนี้ แต่ทางธนาคารก็ยืนยันว่า ให้คิดให้ดีๆ เพราะหากไม่เปิดเอง ก็ไม่มีใครเปิดให้ได้ และให้คิดให้ดีๆว่า รับจ้างเปิดบัญชีม้า รับเงิน 500 บาท อะไรหรือไม่ ซึ่งลูกสาวก็ยืนยันไม่เคยเปิด ซึ่งตนและลูกสาวสอบถาม ธนาคารบอกว่า ในการเปิดบัญชีออนไลน์ จะต้องมีการยืนยันตัวตนด้วยการใช้เลขบัตรประชาชนหน้า-หลัง และใช้วิธีการสแกนใบหน้า และจะมีรหัส OTP ส่งเข้าเบอร์โทรศัพท์ที่ทำธุรกรรม ซึ่งธนาคารบอกว่าเป็นเลขบัตรประชาชนของ นางสาววรัญญา แต่ไม่ทราบว่าเป็นรูปของ นางสาววรัญญา หรือไม่ เพราะธนาคารไม่ให้ดู และไม่ยอมให้หลักฐาน อ้างว่าเพราะอยู่ในคดี ต้องให้ตำรวจทำหนังสือมา ทางครอบครัวจึงได้เดินทางไปที่ สภ.ห้วยยอด แจ้งความลงบันทึกประจำวัน เพื่อไปขอหลักฐานการเปิดบัญชีอย่างละเอียด พร้อมสเตทเม้นท์รายการเดินบัญชีธนาคารทั้งหมด โดยทางธนาคารบอกว่า จะส่งหลักฐานไปให้ สภ.ห้วยยอด ภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่เกิน 1 เดือน แต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบครบ 1 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้หลักฐานมาจากธนาคาร

ทั้งนี้ หลังเกิดเรื่องทางครอบครัวต้องกู้หนี้ยืมสินไปตามหมายเรียก จึงอยากขอความเป็นธรรมว่า หาก นางสาววรัญญา ไม่ได้เป็นคนเปิดบัญชี ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่จู่ๆ ก็มาเป็นคดีความ มาถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ทำให้ นางสาววรัญญา เสียเวลาในการเรียน ทำให้มีคดีติดตัว และจะส่งผลกระทบต่อการทำงานในอนาคต ส่วนยอดเงินในบัญชีดังกล่าวที่ตำรวจ สน.คันนายาว ให้ดูพบว่า มีเงินสะพัดเข้าบัญชีดังกล่าวหลักล้านบาท และคิดว่าเด็กอายุขนาดนี้ คงไม่มีความสามารถหาเงินได้เยอะมากขนาดนั้น ล่าสุด พบว่ามียอดเงินค้างอยู่ในบัญชีประมาณ 156,849.54 บาท คิดว่าน่าจะเป็นยอดเงินที่ถูกโอนมาจากที่คนใช้บัญชีนี้อยู่ โดยไม่ทราบว่าถูกตำรวจอายัดบัญชีไปแล้ว ยอดก็เลยถูกเบิกออกไปไม่ได้

ส่วนเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้สำหรับการเปิดบัญชีออนไลน์นั้น ทางครอบครัวได้เข้าไปติดต่อที่ศูนย์เทเลวิช สาขาโรบินสัน ตรัง พนักงานแจ้งมาเลยว่า เลขบัตรประชาชน 4 ตัวหลัง ของคนจดทะเบียนเปิดหมายเลขโทรศัพท์นี้ ไม่ใช่หมายเลขบัตรประชาชน 4 ตัวหลังของ นางสาววรัญญา แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นของใคร ตอนนี้ทางครอบครัวบอกไม่ถูกเลย ไม่รู้จะต่อสู้คดียังไง เพราะเราไม่ได้ทำความผิด อยากขอให้ธนาคารบอกข้อมูลหลักฐานในการเปิดบัญชีมาให้ละเอียด อยากได้รับคำแนะนำในการต่อสู้คดี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ หรือช่องทางการร้องเรียน เพื่อให้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง เพื่อความเป็นธรรมของครอบครัวและ นางสาววรัญญา

ด้าน นางสาววรัญญา ยืนยันว่า ไม่เคยเปิดบัญชีธนาคารแห่งนี้ ทั้งเดินทางไปเปิดที่ธนาคาร หรือเปิดออนไลน์ และโทรศัพท์ที่ตนเองมี กล้องก็ไม่ดีด้วย จึงถ่ายภาพยืนยันไม่ได้ หลังเกิดเรื่องมา เสียเวลาในการเรียน และไม่มีสมาธิในการเรียน แถมยังเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อกับโรงพักต่างๆ ต้องใช้เงินเยอะด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News