โผล่อีก ‘พริตตี้คนดัง’ อาละวาดเข้าวัด หลอกเงินคนมาปฎิบัติธรรม สูญเกือบล้าน

เหยื่อร้องเรียน เข้าไปปฏิบัติธรรมในวัดป่าแห่งหนึ่งในปทุมธานี เจอพริตตี้สาวเคยมีข่าวคดีฉ้อโกง เข้าตีสนิท ก่อนชวนลงทุนโควต้าลอตเตอรี เสนอขายรถเบนซ์ ก่อนบ่ายเบี่ยงติดต่อไม่ได้ สูญเงินเกือบล้านบาท 

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 24 เม.ย.66 ที่วัดป่าแห่งหนึ่ง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ผอ.ฟ้า พรทิพา สุพัฒนุกูล เจ้าของสถานีโทรทัศน์ ดาวเทียมจานดำช่อง 160 ว่า จากาการที่ได้เข้าไปเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.หนองเสือ แล้วปรากฏว่าทางเจ้าอาวาส ได้มาขอความช่วยเหลือ ช่วยตรวจสอบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาปฏิบัติธรรมภายในวัด ซึ่งมีพฤติกรรรมไม่น่าไว้วางใจ ขอให้ตรวจสอบประวัติให้ด้วย ซึ่งจากการที่ ผอ.ฟ้า ตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ที่เข้ามาปฎิบัติธรรมที่วัด คือ น.ส.นาเดียร์ (นามสมมติ) พริตตี้คนดังและเคยถูกผู้เสียหายหลายรายแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงมาก่อนหน้านี้ หลายพื้นที่

จากการตรวจสอบทำให้ทราบว่า พริตตี้คนดังกล่าวเข้าไปตีสนิทกับผู้เสียหายรายหนึ่งที่เป็นพริตตี้เช่นกัน ชื่อว่าน้องโม อายุ 27 ปี ซึ่งมาถือศีลปฏิบัติธรรม ก่อนหลอกให้ซื้อนาฬิกาหรู แต่เมื่อโอนเงินไปแล้วกับไม่ได้นาฬิกา นอกจากนั้นแล้ว ยังหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยอ้างว่ามีโควต้า หากร่วมลงทุนจะได้กำไร 100 ละ 20 บาท และยังหลอกขายรถยนต์หรู ยี่ห้อเบนซ์ แต่พอหลงเชื่อโอนเงินมัดจำไป กลายเป็นรถยนต์ทิพย์ไม่มีจริง สูญเงินเกือบ 1 ล้านบาท

โดยมีผู้เสียหายหลายรายทั้งที่บวชชีพราหมณ์ และผู้ที่มาปฎิบัติธรรมที่วัดดังกล่าว กำลังยืนโต้เถียงกับพระสงฆ์หนุ่มรูปหนึ่งที่ก่อนหน้านี้เคยคบหาเป็นแฟนกับพริตตี้สาวที่ถูกกล่าวหา และเพิ่งมาบวชเป็นพระที่วัดดังกล่าวได้ไม่นานมานี้ ส่วนตัวพริตตี้สาวได้หลบหนีออกจากวัดไปช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา หลังเรื่องแตกถูกจับได้ว่าหลอกเหยื่อไว้หลายราย

ต่อมา น.ส.พรทิพา หรือ ผอ.ฟ้า โยมอุปัฏฐากวัดดังกล่าว จึงประสาน พ.ต.อ.ธีรยุทธ เสรีนนท์ชัย ผกก.สภ.หนองเสือ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าตรวจสอบ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองเสือ เข้ามาดูแลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงเจรจากันได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ผู้เสียหายทั้งหมดที่ถูกหลอกลวงเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เทอด หาญณรงค์ รองผกก.สอบสวนสภ.หนองเสือ เพื่อดำเนินคดีกับพริตตี้สาว พร้อมจะดำเนินการออกหมายเรียก 2 ครั้ง หากไม่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะออกหมายจับต่อไป

ด้าน น.ส.โม อายุ 28 ปี พริตตี้งานอีเวนท์ หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า เมื่อช่วงเดือน มี.ค.66 ที่ผ่านมา ตนได้มาถือศีลปฎิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้ก่อนจะมารู้จักกับพริตตี้คนดังกล่าว โดยมีแม่ชีท่านหนึ่งที่สนิทกันแนะนำให้รู้จัก ซึ่งพริตตี้สาวที่ถูกกล่าวหาได้ปฎิบัติธรรมเหมือนกัน แต่จะชอบแต่งตัวดูดีมีฐานะ สวมแหวนเพชร สร้อยเพชรเป็นประจำ หลังจากนั้นได้พูดจาหว่านล้อมชักชวนตนให้ร่วมลงทุน โดยบอกกับตนว่าเขามีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ก็เคยส่งขายให้กับบริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ยังขาดเงินลงทุนบ้าง ประกอบกับถูกใจนิสัยใจคอของตนจึงได้มาชักชวน ซึ่งถ้าตนลงทุนเท่าไหร่ก็ได้จะได้ผลกำไร 100 ละ 20 ทุกๆ 15 วัน

ตนจึงได้ลงเชื่อโอนเงินร่วมลงทุนไปตอนแรก 2 แสนบาท ก่อนจะโอนเพิ่มอีก 1 แสนบาท แค่ 3 วัน พริตตี้สาวที่ถูกกล่าวหาก็โอนเงินคืนตนมา 40,000 บาท บอกว่าเป็นกำไรที่ตนร่วมลงทุนทั้งๆ ที่ยังไม่ถึง 15 วันเลย หลังจากนั้นก็บอกกับตนว่าจะขายรถยนต์เบนซ์ให้กับตนจากราคา 2.7 ล้านบาท แต่จะขายให้ตนเพียง 2 ล้านบาท เพราะตนเป็นหุ้นส่วนกับเขา แต่ตอนนั้นตนยังไม่มีเงินถึง 2 ล้านบาท ทางคู่กรณีจึงบอกให้ตนโอนเงินมามัดจำรถไว้ก่อน ตนจึงโอนเงินไปให้ 5 แสนบาท หลังจากโอนเงินไปแล้ว ตนจึงขอดูเล่มทะเบียนรถแต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงว่าไม่อยู่บ้าง ลืมเอามาบ้าง ตนเห็นท่าไม่ดีจึงขอเงินมัดจำคืนแต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนไม่สามารถติดต่อได้จึงรู้ว่าถูกหลอก

พอสอบถามกับคนที่มาปฎิบัติธรรมในวัดก็พบว่า มีคนถูกหลอกเหมือนกับตนหลายราย จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับพริตตี้สาวรายนี้ในข้อหาฉ้อโกง

ขณะที่พริตตี้สาวที่ถูกกล่าวหา ได้ติดต่อมาทางแฟนหนุ่มที่บวชเป็นพระตอนนี้ และกล่าวกับแฟนที่เป็นพระว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริงตนต่างหากที่ถูกโกงเพราะเป็นการลงทุนกัน อีกฝ่ายติดหนี้ตนเองอีก 5 แสน และตนก็ไปแจ้งความเอาไว้เหมือนกัน พร้อมขอไปพิสูจน์กันในชั้นศาล

สำหรับพริตตี้สาวที่ถูกกล่าวหา จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเมื่อปี 2562 ได้ถูกผู้เสียหายหลายสิบรายแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีเหยื่อผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหลอกจนหมดตัวหลายสิบล้านจนต้องก่อเหตุฆ่าตัวตาย ในที่สุด