หนุ่มคลั่งพังบ้าน ปีนหลังคา คาดน้อยใจพ่อแม่ประชด จะไม่นับเป็นลูกถ้าไม่เลิกเสพยา

หนุ่มวัย 28 ปี คลุ้มคลั่ง รื้อของ ทำลายข้าวของ พังบ้านเสียหาย ก่อนปีนขึ่นหลังคา คาดน้อยใจที่พ่อแม่พูดประชดว่าจะไม่นับถือเป็นลูก หากยังไม่เลิกเสพยา พ่อถึงกับหลั่งน้ำตา หวังได้ลูกคนเดิมกลับมา



วันนี้ (8 เม.ย.66) เวลา 12.00 น.ตร.สภ.หนองแสง รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านโคกสว่าง หมู่ 2 ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี มีเหตุชายคลุ้มคลั่งอาละวาดทุบทำลายข้าวของภายในบ้านของตนเอง ชาวบ้านผวาคลั่งจะทำร้ายชาวบ้านเหมือนเป็นข่าว หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.คำหล้า ดวงดี รองสวป.สภ.หนองแสงพร้อมกำลังตร.ชุดสายตรวจจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที พบว่าที่บ้านหลังหนึ่งกลางหมู่บ้าน พบนายอานนท์ ไชยสงค์ อายุ 28 ปี หนุ่มคลั่งกำลังปีนหลังคาบ้านระดับความสูงประมาณ 10 เมตร



โดยผู้ก่อเหตุใส่กางเกงและไม่สวมเสื้อ เดินอยู่บนหลังคาสังกะสี ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ชาวบ้านและบรรดาญาติๆ ก็พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นาน บอกว่า ลงมาลูกเอ๊ย มีอะไรก็มาคุยกันข้างล่าง แต่นายอานนท์ หรือนนท์ ก็ยังไม่ยอมลง ขณะเดียวกันนายจ่อย พ่อของนายนนท์ก็ขึ้นไปบนบ้านพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นาน บอกว่าให้ลงมา แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปแล้ว 4 ชม.



เวลา 16.00 น. นายนนท์ก็ไม่ยอมลงมา แต่เจ้าหน้าที่ฯ ก็ไม่ลดละความพยายามช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้นายนนท์ลงมาจากหลังคาเพื่อพูดคุยกันดี ๆ



นายคำจันทร์ ธงอาษา อายุ 58 ปี ผู้ใหญบ้าน บอกว่า ผู้ก่อเหตุแต่ก่อนเป็นคนดีของพ่อแม่ งานทุกอย่างหนักเอาเบาสู้ ไม่ค่อยสุงสิงอยู่ใคร แต่ขยันทำงานมาก ทำไร่ทำนาช่วยพ่อแม่ตลอด ปกติจะอยู่ที่ไร่นาและสวนยาง แต่มาระยะหลังไปยุ่งกับยาเสพติด ทำให้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มาออกอาการหลอนหนักๆ เมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้ว ทุกครั้งที่เสพยาจะทุบกำแพง ทำลายทรัพย์สินภายในบ้านจนพังยับ และตัวผู้ก่อเหตุคล้ายมีอะไรฝังใจกับพ่อแม่ บอกว่าพ่อแม่ไม่รัก ทั้งนี้ได้ยินว่า พ่อและแม่บอกกับนายนนท์ว่า ถ้าหากยังไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกจะไม่นับถือเป็นลูก ซึ่งจริงๆ แล้วพ่อแม่ก็รักแต่พูดประชดอยากให้ลูกชายเลิกยาเสพติด ทำให้ตัวผู้ก่อเหตุน้อยใจก็ได้ที่พ่อแม่พูดแบบนั้นก็ได้ หลังติดยาพ่อและแม่ก็พาไปบำบัดรักษาที่จ.เลยกลับมาได้เพียง 2 วันคาดว่าจะมาเสพยาอีกและทุบทำลายข้าวของและมาปีนหลังคาบ้านตอนนี้ แต่ชาวบ้านห่วงก็คือกลัวนายนนท์เกิดคลุ้มคลั่งหนักกว่านี้ทำร้ายชาวบ้าน



ขณะที่พ่อบอกว่าลูกชายคลั่งอาละวาดทำลายข้าวของภายในบ้านจากนั้นก็ปีนหลังคาตั้งแต่ 11.00 น.โดยไม่ยอมลงมา พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นานก็ไม่เป็นผล ตนเองมีลูก 2 คน นายนนท์เป็นคนโต ลูกชายตนเองเป็นคนที่ขยันทำงาน ช่วยงานพ่อแม่มาตลอด แต่มาเสียคนเพราะติดยาบ้าเพราะไปคบกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน ตนเห็นไม่ดีจึงเอาลูกไปรักษาหวังได้ลูกคนเดิมกลับมา ผมเสียใจมากที่ลูกชายต้องมาเสียคนเพราะยาบ้า ตอนนี้มันเยอะมาก ตนเองเสียดายลูกชายที่มาเป็นแบบนี้ ผมมีลูกก็รัก ขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองปราบปรามให้เด็ดขาดทีเถอะไม่งั้นหลายๆ ครอบครัวจะสูญเสียลูกชายเหมือนตนเองได้ พ่อพูดไปร่ำไห้ไป