'ชัชชาติ' เคาะงบ 9 หมื่นล้านบาท ในงบปี 67 แก้ถนน-จุดระบายน้ำ คาดภาษีที่ดินปีนี้เพิ่มขึ้น

ชัชชาติ เคาะรายจ่าย 90,000 ล้านบาท ในงบปี 67 เน้นเส้นเลือดฝอย แก้ถนน จุดระบายน้ำ คาดภาษีที่ดินปีนี้เพิ่มขึ้น

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 8/2566 ว่า สำหรับมีประชุม ทั้งเรื่องทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 จากการหารือกับที่ประชุมและสำนักการคลัง มีมติตั้งไว้ 90,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบสมดุล โดยรายรับส่วนนึงเพิ่มจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษี VAT และภาษีรถยนต์

นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ค้างอยู่ เช่น ค่าใช้จ่ายบุคลากร 22,000 ล้านบาท งบโครงการผูกพันธ์ต่อเนื่องที่ทำข้อตกลงแล้ว 18,353 ล้านบาท งบหน่วยงานพื้นฐาน 17,511 ล้านบาท งบลงทุน 10,7 82 ล้านบาท ซึ่งเตรียมดำเนินการจัดสรรงบประมาณและเตรียมลงพื้นที่โดยเฉพาะส่วนเส้นเลือดฝอยที่จะปรับปรุงโดยจะลงที่สำนักเขตเพื่อนำไปปรับปรุงสภาพที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ระบบระบายน้ำ ทางถนน ที่ดูแลให้เข้มแข็งขึ้น รวมทั้ง ศูนย์กีฬา ศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนต่าง ๆ


ที่ผ่านมาการจัดสรรงบประมาณลงเขตไม่มากเพราะนำไปใช้โครงการใหญ่เยอะ โดยปีนี้จะพยายามจัดสรรงบให้สมดุลมากขึ้น หากเทียบงบประมาณปีที่แล้วอยู่ที่ 79,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจจะดีขึ้น นักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น และภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง แม้จะมีมาตรการจากรัฐบาลลดลงร้อยละ 15 แต่ประเมินแล้วได้รายรับเพิ่มขึ้น


ขณะเดียวกันผู้ราชการกรุงเทพมหานครยังได้รายงานความเคลื่อนไหวแก้ปัญหาไฟส่องสว่างดับ ซึ่งดำเนินการแล้วกว่า 21,000 ดวง เหลืออีก 1,700 ดวง โดยคาดปลายเดือนนี้จะแก้ไขแล้วเสร็จครบทุกจุดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้เปลี่ยนหลอดไฟมาใช้แบบ LED เพิ่มอีก 30,000 ดวง โดยแบ่งเป็น 5,000 ดวง ตามถนนเส้นหลัก ซึ่งเริ่มดำเนินการช่วงเดืนอเมษายนเป็นต้นไป และอีก 25,000 ดวง ตามตรอกซอกซอยเส้นเลือดฝอย


ส่วนเรื่องรุกล้ำริมคลอง โดยเฉพาะคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากร ซึ่งเป็นเรื่องค้างมายาวนาน โดยทั้ง 2 คลองมีอาคารทั้งรุกล้ำในคลองและริมคลอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่กรมธนารักษ์ ที่ผ่านมาได้พยายามให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่ในที่มั่นคง และพยายามห้ามเพิ่มจำนวน ทำให้การทำเขื่อนไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือกับ สำนักงานพัฒนาชุมชนเมือง หรือ พอช. ทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้ย้ายที่ใหม่ โดยปัจจุบันมีติดค้างหลายพันหลัง ซึ่งบางส่วนได้ย้ายเข้าไป แต่อีกส่วนมีความกังวลอยู่ และสำนักระบายน้ำต้องลงไปปรับทำทางระบายน้ำ เพื่อเตรียมรับมือฝนในปีนี้


ส่วนเรื่องขยะ ตอนนี้ประสบปัญหาคือ การขยายตัวของเมืองมากขึ้น ทำให้เมืองชั้นนอกมีปริมาณมากขึ้น อีกทั้งมีรถขยะ 147 คนที่ไม่มีพนักงาน จึงต้องปรับปรุงทั้ง รูปแบบให้เหมาะสมกับจำนวนรถที่มี ปรับเส้นทางเดินรถขยะ และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยควบคู่กับเพิ่มเจ้าหน้าที่ให้สามารถเก็บมากขึ้น โดยเฉพาะชุมชนเขตชั้นนอกได้มากขึ้น ส่วนเขตกรุงเทพชั้นใน ได้เพิ่มรอบการเก็บขยะ พร้อมทำความเข้าใจกับชาวบ้านทั้งรอบเวลา เพื่อลดการวางขยะรอเจ้าหน้าที่เก็บล่วงหน้า ทำให้มีสุนัข์และสัตว์อื่น ๆ เข้ามาคุ้ยเรี่ยราด จึงมีการตักเตือน รวมทั้งหากสถานประกอบการไหนมีขยะมาทิ้งรกรุงรัง ก็จะใช้มาตราการอย่างเข้มข้น


ขณะเดียวกัน กทม. ได้ศึกษาเทคโนโลยีโดยมอบหมายให้สำนักการจาจรและขนส่ง ศึกษาการใช้กล้อง AI ที่สามารถวิเคราะห์ตรวจจับภาพและอ่านป้ายทะเบียน มากำกับดูแลมากขึ้น ทั้งตรวจจับมอเตอร์ไซค์ขึ้นทางเท้า การทิ้งขยะ รวมทั้งจุดหาบเร่แผงลอยที่มีปัญหา ซึ่งตอนนี้มีหลายหน่วยทดลองใช้ซอฟท์แวร์แล้ว โดยเฉพาะสำนักเทศกิจได้ทดลองใช้แล้ว 90 จุด เพื่อดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีแผนที่จะขยายพื้นที่มากขึ้น