สังคม

เจ้าของที่ พบกระดูกมนุษย์อายุ 2,500 ปี เผย ร่างทรงบอก วิญญาณไม่อยากไปไหน

โดย attayuth_b

22 มี.ค. 2566

709 views

คืบหน้ากรณีพบกระดูกมนุษย์ยุคเหล็กอายุ 2,500-1,500 ปี ในที่นาชาวบ้านแวงน้อย ล่าสุดเจ้าของที่นาเผย ดวงวิญญาณบรรพบุรุษสื่อถึงร่างทรงไม่อยากให้เอาไปไหนอยากอยู่ที่นี่กับลูกสาว และต่อไปโนนสาวเอ้จะมีงานบุญประจำหมู่บ้านทุกปี ลุ้นกรมศิลปากร ยกเป็นที่ศึกษาประวัติศาสตร์ยุคเหล็ก ด้านผู้ว่าฯพร้อมให้การสนับสนุน

วันนี้ (22 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ไปยังที่นาของน.ส.ณัฐกาณฑ์ หรือ วิ คำชมภู อายุ 52 ปี 332 ม.1 บ.แวงน้อย ต.แวงน้อย อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้านแวงน้อย และเป็นจุดที่สำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น กรมศิลปากร และนักโบราณคดี ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงกระดูกดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นโครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคเหล็กอายุประมาณ 2,500 ปี ถึง 1,500 ปี รวมถึงยังเศษเครื่องปั้นดินเป็นหม้อดินมีลายเชือกทาบ และหินดุที่ใช้สำหรับทำเครื่องปั้นดินเผาด้วยนั้น ซึ่งในวันนี้ ก็ยังมีประชาชน ลงพื้นที่มาชมโครงกระดูกอย่างไม่ขาดสาย พร้อมทั้งจุดธูปเทียน กราบไหว้โครงกะดูก เพราะทุกคนเชื่อว่าหากกราบไหว้แล้วจะเป็นสิริมงคลกับตัวเอง

ขณะที่น.ส.ณัฐกาณฑ์ กล่าวว่า หลังจากที่ เจ้าหน้าที่จากสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น กรมศิลปากร ลงพื้นที่มาตรวจจุดที่พบโครงกระดูกและยืนยันว่าเป็นโครงกระดูกของบรรพบุรุษ หรือมนุษย์โบราณที่มีอายุ 2,500 ปี ก็ดีใจ เพราะหลังจากซื้อที่นาและมาดูที่นาในแต่ละครั้ง จะรู้สึกว่าหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เหมือนมีอะไร ในใจลึกๆคิดว่าต้องมี แต่ไม่รู้ว่ามีอะไร และไม่ได้พูดกับใคร กระทั่งได้รู้จักกับร่างทรงท้าวเวสสุวรรณและร่างทรงพระแม่อุมา จึงได้มีการคุยให้ฟังร่างทรงก็มาตรวจสอบ ซึ่งเป็นช่วงที่รถแมคโครมาขุดเนินดิน เพื่อปรับเป็นแปลงนา โดยแมคโครขุดหน้าดินลึกเพียง 1 เมตรก็ต้องหยุด เพราะอีกามาทักท้วง ประกอบกับร่างทรงเดินทางถึงที่นาและพบโครงกระดูก ว่าเป็นโครงกระดูกของปู่คำแสน แม่ย่าผมหอม และขอให้หยุดขุดที่ดินในจุดดังกล่าว จึงให้รถแมคโครออกไป

เมื่อพบโครงกระดูกและกรมศิลปากรยืนยันว่า เป็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณก็ดีใจ แต่ไม่คิดจะครอบครองเป็นของส่วนตัว ขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรมศิลปากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการ เพียงแต่วิญญาณได้บอกผ่านร่างทรงว่า อยากจะขึ้นจากดิน เพื่อมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ไม่อยากไปจากจุดนี้ ขอให้สร้างศาลาไว้ที่เนินดินห่างจากจุดที่พบโครงกระดูกประมาณ 100 เมตร ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะขอจากกรมศิลปากรว่า ไม่ให้ย้ายโครงกระดูกออกจากที่นา เพราะปู่ย่าที่เป็นบรรพบุรุษไม่อยากจะจากจุดที่เสียชีวิตไป

“จริงๆโดยส่วนตัวอยากทำพิธีฌาปนกิจให้ร่างหรือโครงกระดูกที่พบ และทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ตามประเพณีของชาวอีสาน เพราะถือว่า ได้พบกันก็เป็นบุญแล้ว ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของตัวเอง แต่คงทำไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องปรึกษากับกรมศิลปากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน นอกจากนี้ร่างทรงยังบอกอีกว่าต่อไปที่โนนสาวเอ้จะมีงานบุญประจำปีและจะเป็นกิจกรรมที่หน่วยงานต่างๆร่วมกันสนับสนุนผลักดันเหมือนโนนอื่นๆ”

นางวิ กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับกรมศิลปากรนั้น ทราบว่า จะให้หน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาสร้างเพิ่งเพื่อกันลมกันแดด กันฝน ในจุดที่พบโครงกระดูก และอาจจะให้ที่นาแห่งนี้ เป็นที่ศึกษาประวัติศาสตร์ให้ความรู้แก่ลูกหลาน และนักท่องเที่ยวที่อยากทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคเหล็ก เมื่อ2,500 ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะโดยส่วนตัวก็คิดอยากทำ แต่ไม่มีต้นทุน จึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรมศิลปากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณา ในขณะเดียวกันสำหรับคนที่เคยลักลอบเข้ามาขโมยสิ่งของจากโครงกระดูก ก็ให้คิดเอาเองว่าใครที่ทำเช่นนั้น จะเป็นเช่นใด เพราะไม่สามารถไปบอกและขอร้องให้นำมาคืนที่เดิมได้

ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า รับรายงานจากสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น กรมศิลปากร และอำเภอแวงน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า พบโครงกระดูกมนุษย์โบราณในที่นาของชาวบ้านแวงน้อย ม.1 ต.แวงน้อย อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นโครงกระดูกของมนุษย์ยุคหิน ซึ่งก็แสดงว่าจังหวัดขอนแก่น มีเมืองโบราณหลายแห่ง และการที่จะดูแลหรือพัฒนาในจุดที่พบโครงกระดูกนั้น ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์หรือจะดูแลรักษาอย่างไร กรมศิลปากรจะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด หากจะขอกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนในด้านต่างๆก็ประสานงานกับทางอำเภอหรือจังหวัดได้




คุณอาจสนใจ

Related News