สลด! ประตูเหล็กโรงงานล้มทับพนักงาน ดับ 1 บาดเจ็บ 1

สยอง ประตูเหล็กโรงงานทับพนักงานเสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 1

วันนี้ (15 มี.ค.66) ร.ต.ท.ทศพร. ยิ่งงามแก้ว รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.มาบตาพุด ระยอง ได้แจ้งความ กรณี เหตุการณ์ ประตูเหล็กล้มทับพนักงานผู้ชายจำนวนสองราย จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา เหตุเกิดภายในต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดเหตุขึ้น

ขณะเกิดเหตุ พนักงานทั้งสองรายกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงประตู 5 ด้านหลังของโรงงาน ประตูเลื่อนซึ่งเป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ ได้ล้มลงมาทับร่างของพนักงานทั้งสองราย จนเป็นเหตุให้ประตูเหล็กที่มีน้ำหนักนับร้อยกิโลกรัม ล้มลงมาทับทั้งสองคน โดยทับที่ร่างกายอย่างแรง จนเป็นเหตุให้พนักงานเสียชีวิต1ราย จากการถูกประตูเหล็กทับที่หน้าอก ส่วนอีกรายขาหักและไหล่หลุด จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติฯมาบตาพุดทันที

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ พบว่า ประตูที่เกิดเหตุเป็นประตูที่5 อยู่ด้านหลังของโรงงาน หันหน้าออกทะเล เป็นประตูเหล็กสูงประมาณ 2.5 เมตร ยาวประมาณ 5 เมตร เป็นเหล็กทั้งหมด ล่าสุดมีการนำประตูที่ล้มทับออกไปแล้ว โดยใช้แผงเหล็กมากั้นแทน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เกิดเหตุ ได้เปิดเผยว่า ล่าสุด พนักงานที่ได้รับบาดเจ็บ ขาหัก ยังพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.เฉลิมพระเกียรติฯมาบตาพุด อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

ส่วนผู้เสียชีวิต คือ นายจักรกฤษณ์ อายุ 29 ปี ทางครอบครัวได้รับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดห้วงหิน ต.ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ส่วนสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดห้วงหิน สถานที่จัดงานพิธีบำเพ็ญศพของนายจักรกฤษณ์ ผู้เสียชีวิตจากประตูล้มทับ ที่เพิ่งรับศพหลังการชันสูตรที่ รพ.ระยอง มาที่วัด ท่ามกบางความเสียใจของครอบครัว

นายนิยม อายุ 57 ปี ได้กล่าวว่า เสียใจมากที่บุตรชายต้องมาจากไปก่อนวัยอันควร ซึ่งก็ถือเป็นเหตุสุดสิสัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ คาดว่าบุตรชายกับผู้ได้รับบาดเจ็บคงจะช่วยกันเปิดประตู แล้วเป็นจังหวะที่ประตูล้มลงมาทับพอดี เบื้องต้นทางบริษัท ได้เข้ามารับผิดชอบทั้งหมด และ ดูแลเรื่องการเยียวยาให้กับครอบครัว แต่ก็อยากฝากให้ทางบริษัทตรวจสอบอุปกรณ์ให้ดีจะได้ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเรียกผู้บริหาร บริษัทที่เกิดเหตุ มาสอบสวน และ ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อเตรียมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป