สังคม

บุกจับ 'จีมินช็อง' โอปป้าเก๊ ศัลยกรรมเปลี่ยนหน้า หนีคดียาเสพติด ต้นตอ 'ยาเลิฟ' เกลื่อนกรุงฯ

โดย paweena_c

24 ก.พ. 2566

772 views

สืบนครบาลบุกจับ 'จีมินช็อง' โอปป้าเก๊ หนีคดียาเสพติด face off จากไทยบ้านสู่โอปป้า


พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ สืบสวนนครบาล แกะรอยก่อนจับกุมตัว นายจีมิน-ซ็อง เกาหลีเก๊ ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย ทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า Face off ไม่เหลือเค้าโครงเดิม เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ


โดยก่อนถูกจับตัวได้ก่อวีรกรรมสุดแสบซึ่งเป็น “ต้นตอ” ที่สำคัญในการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) ในพื้นที่ กรุงเทพฯและ ปริมณฑล หลบหนีไร้ร่องรอยมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน


ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้า ศอ.ปส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 ใช้มุขคลาสสิคส่งสารวัตรมือดีแฝงตัว จนสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักคอนโดชื่อดังย่านเขตบางนา จ.กรุงเทพ สุดท้าย นายจีมิน-ซ็อง รับสารภาพว่ามีคอนเนคชั่นทั่วโลก สั่งจากดาร์กเว็บ โอนจ่ายด้วยบิทคอยน์ แต่ที่ถูกจับได้ครั้งนี้ เพราะลูกน้องทำผิดแผน


วันที่ 23 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 15.16 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายจีมิน-ซ็อง ชื่อเดิม นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65


โดยกล่าวว่า “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และ ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และ สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”


โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ แขวงบางนา เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ


พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากชุดวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้วิเคราะห์สถิติการจับกุมพบว่ามีการแพร่ระบาดหนักของกลุ่มยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA)


ต่อมาได้ประสานงานรวบรวมข้อมูลกับ บก.สส.บช.น. วิเคราะห์แกะรอยจากข้อมูลคดีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จนได้พบเบาะแสแหล่งที่มา จึงให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่จนกระทั่งได้เบาะแสว่าแหล่งที่มาของยาเสพติดดังกล่าวคือ “หนุ่มเกาหลี” รูปหล่อรายหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านเขตบางนา กรุงเทพฯ ซึ่งมีพฤติกรรมจะสั่งนำเข้ายาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) โดยสั่งนำเข้ามาทางพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ จากประเทศแถบทวีปยุโรป โดยทำมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง และมักใช้บุคคลที่ตนเองรู้จักผ่านทางเฟสบุ๊คให้คอยรับส่งพัสดุยาเสพติดดังกล่าวให้ โดยที่ตนเองไม่ต้องสัมผัสกับยาเสพติดโดยตรง


ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวตนของหนุ่มเกาหลีรายนี้ได้ คือ นายจีมิน-ซ็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพ อีกทั้ง นายจีมิน-ซ็อง ยังได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม (Face off)


จากการตรวจสอบพบว่า นายจีมิน-ซ็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวน บช.ปส. ออกหมายจับไว้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 ในคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจพบยาเสพติดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) แบบผลึกสีขาวขุ่น น้ำหนัก 2,575 กรัม และ แบบเม็ดยาจำนวน 290 เม็ด ที่แอบบรรจุมาในพัสดุ “กล่องจิ๊กซอว์” เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 ซึ่งมีแผนประทุษกรรมเดียวกัน


จากความไม่ธรรมดาของ นายจีมิน-ซ็อง เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาสืบสวนติดตามมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน แต่ยังไร้ร่องรอย จนกระทั่ง พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ใช้อุบายเสนอตัวผ่านทางเฟสบุ๊คเพื่อสมัครเป็น “เป็นเด็กส่งของ” ให้กับ นายจีมิน-ซ็อง จนสามารถสืบทราบได้ว่า นายจีมิน-ซ็อง พักอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ


ซึ่งต่อมาวันที่ 23 ก.พ. 66 เวลา 15.16 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. และ ศอ.ปส.ตร. ชุดที่ 5 นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ค.29/2566 ลงวันที่ 23 ก.พ. 66 เข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา จ.กรุงเทพฯ ผลการตรวจค้นได้พบตัว นายจีมิน-ซ็อง อยู่ในห้องพัก จึงได้ทำการจับกุมตัวตามหมายจับ และตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ


ในชั้นจับกุม นายจีมิน-ซ็อง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า "ตนเองบ้านเดิมอยู่ย่านบางกอกน้อย โดยรับว่าที่ตนเองเปลี่ยนมาเป็นชื่อภาษาเกาหลีเพราะอยากย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายชีวิตในประเทศไทย ซึ่งตนเองสามารถพูดภาษาเกาหลีได้เพียงเล็กน้อย และยังออกเสียงไม่ได้ และได้ยอมรับว่ามารดาของตนนั้น เคยถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติดชนิด "ยาเสียสาว" จำนวนกว่า 200,000 เม็ด โดยนำเข้ามาจากประเทศปากีสถาน เมื่อปี 2554


ซึ่งปัจจุบันมารดาได้พ้นโทษออกมาแล้ว และย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส  และได้ยอมรับว่าตนเริ่มเข้าวงการจำหน่ายยาเสพติด จากการเข้าไปศึกษาในดาร์คเว็บและแชทพูดคุยกับคนในดาร์คเว็บ โดยไม่รู้จักชื่อและตัวตนจริง ผ่านทางหลายเว็บไซต์ เช่น คิงดอม, โบคีเมีย เป็นต้น ยอมรับว่าตนเองมีคอนเนคชั่นนำเข้ายา MD หรือยาอี จากทั่วโลก แต่ที่ประสานงานดีที่สุดคือ ประเทศเนเธอแลนด์ โดยจะนำเข้ามาในรูปแบบการส่งเป็นพัสดุเข้ามาตามปกติ และอ้างว่าตนเองสามารถเล่นแร่แปลธาตุแปลงยา จากน้ำเป็นก้อน จากก้อนเป็นน้ำได้ โดยศึกษาวิธีการจากอินเทอร์เน็ต


ซึ่งการซื้อขายยาเสพติดจากดาร์กเว็บที่ตนใช้ประสานงานนั้น จะซื้อขายจ่ายเงิน ผ่านทางคริปโตเคอเรนซี่และได้ยอมรับว่า ล่าสุดตนเองได้สั่งยาอีที่กำลังจะเข้ามาในไทย อีกจำนวนครึ่งกิโลกรัมและ 30 กิโลกรัม แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน และยอมรับว่ารู้ตัวว่าตนเองมีหมายจับ แต่เข้าใจว่าอาจเป็นคดีอื่น โดยในคดีนี้ที่ถูกออกหมายจับเพราะว่า ทำพลาดจนถูกศุลกากรตรวจพบยาอีที่ส่งพัสดุเข้ามาจำนวน 2.5 กิโลกรัม เพราะลูกน้องไม่ได้ทำตามแผนที่ตนสั่งการไว้" โดยหลังเสร็จสิ้นการจับกุมได้นำตัว นายจีมิน-ซ็อง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากข้อมูลของนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. วิเคราะห์ว่าคนร้ายรายนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญ ของการแพร่ระบาดของ ยาอีและยาเลิฟ ในพื้นที่กรุงเทพ และ ปริมณฑล และเราสืบสวนติดตามตัวมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ทำให้ทราบว่าคนร้ายรายนี้รู้จักวิธีการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และมีการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่


และด้วยคนร้ายรายนี้มีอายุเพียง 25 ปี แต่สามารถเป็นระดับหัวของการนำเข้ายาเสพติดจากทางยุโรปได้ น่าเชื่อว่าจะมีผู้ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในต่างแดน ซึ่งเราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด เพราะปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาระดับชาติ เป็นปัญหาเรื้อรังที่หยั่งรากลึกอยู่ในสังคมไทย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติดเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด


สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายในการแก้ปัญหายาเสพติดโดยทำสงครามกับยาเสพติด จึงขอเตือนไปยังเหล่าผู้ค้ายาเสพติดทั้งหลายว่า หากยังยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกจับกุม และชีวิตพวกมันต้องไม่มีความสุข”



คุณอาจสนใจ

Related News