สังคม

สองพี่น้อง ม.1 ร้องถูกรุ่นพี่ลงโทษ สั่งแช่บ่อเกรอะ กลิ้งบนพื้น นำน้ำอุจจาระราดซ้ำจนแผลติดเชื้อ

โดย panisa_p

18 ก.พ. 2566

164 views

นักเรียนพี่น้องชั้น ม.1 ร้องสายไหมต้องรอด เนื่องจากถูกรุ่นพี่โรงเรียนประจำชื่อดังใน จ.เพชรบุรี สั่งลงโทษอย่างไร้เหตุผลด้วยการให้ลงไปแช่ในบ่อเกรอะและลงโทษทางทหาร จนเกิดบาดแผลติดเชื้อรักษาไม่หาย ซึ่งทางโรงเรียนและครูหอพักปัดความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้


โดย ด.ช.เอ อายุ 14 ปี และ ด.ช.บี อายุ 13 ปี สองพี่น้องผู้เสียหาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เหตุการณ์เกิดช่วงปลายเดือนมกราคม มูลเหตุมาจากคนในหอตื่นสายตอน 5.40 น. เพราะไม่มีคนมาปลุก แต่ตามกฎระเบียบของหอต้องตื่น 5.30 น. มาออกกำลังกาย และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ก็มีประเด็นเรื่องทำความสะอาดหอไม่สะอาดและไม่เก็บอุปกรณ์ ทั้งที่ตนเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยและทำความสะอาดแล้ว


ด้วยเหตุดังกล่าว เวลาประมาณ 4 โมงเย็นหลังเลิกเรียน จึงถูกรุ่นพี่ ม.5 ของหอพัก สั่งลงโทษรวมนักเรียน ม.1 ถึง ม.4 ซึ่งตนทั้งสองคนก็โดนไปด้วย โดยสั่งให้ทุกคนกระโดดลงไปแช่ในบ่อเกรอะหลายนาที ก่อนจะสั่งให้ขึ้นจากบ่อโดยไม่ล้างตัวและลงโทษตามวิธีการทหาร เช่น ดันพื้น ลุกหมอบ กลิ้งไปกลิ้งมาจนเป็นแผลทั่วร่างกาย ทั้งยังนำน้ำอุจจาระมาเทราดพวกตน


จากนั้นผู้เสียหายทั้ง 2 คนจึงแจ้งให้แม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่ของผู้เสียหายจึงรีบเดินทางมารับน้องไปรับรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลทันทีในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าแผลติดเชื้อ ผ่านไปหนึ่งเดือนก็ยังรักษาไม่หาย และมีท่าทีว่าจะอักเสบมากขึ้น


แม่ของน้องผู้เสียหายกล่าวต่อว่า ตนได้เดินทางไปถามข้อเท็จจริงกับคุณครูประจำหอ ปรากฏว่าครูประจำหอบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบ โดยอ้างว่าเด็กสมัครใจโดดลงไปเองและเป็นไปตามธรรมเนียมรุ่นพี่ปกครองรุ่นน้องที่ต้องบ่มเพาะอบรมให้รุ่นน้องมีระเบียบวินัย และยังท้าทายให้ไปแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งอัดคลิปทำทีให้นักเรียนรุ่นพี่พูดกล่าวหาว่าลูกตนสมัครใจโดดลงไป ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริง ผู้เสียหายทั้ง 2 คนถูกสั่งให้โดดลงไปและต้องทำตามด้วยความกลัว


ทางโรงเรียนเองก็บ่ายเบี่ยงที่จะพูดคุยหลายครั้ง จนล่าสุดนัดหมายกับทางโรงเรียนพร้อมรุ่นพี่หอพักให้มาพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่ระบุเวลาที่แน่ชัด แต่ยืนยันว่าหลังจากนี้จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทั้งโรงเรียนและรุ่นพี่คนที่ลงโทษ ตอนนี้ตนให้ลูกลาออกจากโรงเรียนดังกล่าวแล้ว ตนไม่เข้าใจว่าการสร้างเสริมวินัยนักเรียน ทำไมต้องทำเกินกว่าเหตุเช่นนี้ ตนส่งลูกให้มาเป็นนักเรียน ไม่ใช่มาเป็นนักโทษ


ก่อนหน้านี้ ด.ช.เอ ก็เคยถูกลงโทษเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ด้วยการลุกนั่งถึง 200 ครั้ง จนโรคหอบหืดกำเริบและรักษาไม่หาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีอาการของโรคนี้แล้ว จึงมาร้องเรียนให้สายไหมต้องรอด ช่วยเป็นตัวกลางในการแจ้งความดำเนินคดีกับทางโรงเรียนและตีแผ่เรื่องราวระบบโซตัสในโรงเรียนประจำที่ยังหลงเหลืออยู่สู่สังคม


ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการออกกฎควบคุมมิให้เกิดการทำกิจกรรมในลักษณะของการทารุณกรรมในสถานศึกษา ทั้งที่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นการทำร้ายร่างกาย และละเมิดสิทธิ


การนำนักเรียนชั้นมัธยมศึกษามากระทำการเช่นนี้ โดยเฉพาะนำน้ำอุจจาระมาราดนั้น โหดร้ายและส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กอย่างมาก กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อโรคอันส่งผลต่อสุขภาพของเด็ก หากเป็นในค่ายทหาร ครูฝึกที่สั่งเช่นนี้มีสิทธิติดคุกได้ ต่อให้อ้างว่าเป็นธรรมเนียมประเพณี ก็เป็นประเพณีที่ล้าสมัยแล้วในยุคปัจจุบัน มันไม่ควรมีระบบโซตัสเกิดขึ้นอีก ยังมีอีกหลายวิธีในการสร้างเสริมและบ่มเพาะวินัยแก่นักเรียนด้วยสันติวิธีและไม่ใช้กำลังความรุนแรงเช่นนี้


โดยหลังจากนี้ ตนจะพาผู้เสียหาย ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เข้มงวดกวดขันและป้องกันปราบปรามการทารุณกรรมและประเพณีโซตัสในสถานศึกษามากขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News