สังคม

ครอบครัวติดใจ! หญิงตั้งครรภ์ตายทั้งกลม หลังเข้ารักษาตัวรพ. เพียงแค่มีอาการผื่นตามตัวและมีไข้

โดย parichat_p

8 ก.พ. 2566

187 views

แม่-สามีสาววัย 32 ปี ทำใจไม่ได้หลังเสียชีวิตขณะตั้งครรภ์พร้อมลูกชายในครรภ์ 8 เดือน โดยไม่ทราบสาเหตุ สามี ชี้ พาไปฝากครรภ์พิเศษกับหมอที่คลินิกอย่างดี ติดใจทำไมไม่รู้ว่าลูกตายในท้องทำให้ลามไปถึงแม่


วันนี้ (8 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูกอย่างปริศนา หลังเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพียงแค่อาการมีผื่นคันตามร่างกาย และมีไข้ ตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตคือ น.ส.จิณัฐตา หรือตุ๊กติ๊ก อายุ 32 ปี เสียชีวิตไปพร้อมกับลูกชายในครรภ์ วัย 8 เดือน


นายอภิเชษฐ์ อายุ 29 ปี สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่าภรรยาทำงานเป็นพนักงานลูกจ้างอยู่เทศบาลตำบลบ้านบัว ตนกับภรรยามีลูกสาวด้วยกันแล้ว 1 คนอายุได้ 1 ขวบ 4 เดือน ต่อมาภรรยาได้ตั้งท้องขึ้นมาอีก แต่อยากจะให้ภรรยาและลูกในท้องสมบูรณ์ จึงไปฝากครรภ์พิเศษกับคลินิกหมอเฉพาะทางในตัวเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน ไปพบหมอที่คลินิกทุกครั้งที่หมอนัด โดยจะเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 900-1,200 บาท


ช่วงอายุครรภ์ภรรยาได้ 6-7 เดือนจะไปหาหมอที่คลินิกบ่อยขึ้น เพราะภรรยามีอาการผิดปกติ หมอคลินิกให้ยามากินเป็นประจำ แต่อาการกลับไม่ดีขึ้นจนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมาไปพบหมอตามนัด โดยหมอแจ้งว่า”เด็กไม่ค่อยดิ้น”แล้วส่งตัวไปที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ หมอให้น้ำเกลือแล้วกลับบ้าน


ต่อมาภรรยามีผื่นขึ้นตามตัว มีไข้อ่อนๆ จึงไปพบหมอที่คลินิกอีก หมอได้ให้ยาแก้ไข้มากิน แต่กินแล้วอาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งคืนวันที่ 6 ก.พ.มีอาการปวดท้องจึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์


หลังจากหมอตรวจอาการได้ส่งตัวภรรยาเข้าห้องผ่าตัด เพื่อผ่าเอาลูกในท้องออกเนื่องจากลูกชายที่อยู่ในท้องเสียชีวิตแล้วหลายวัน ต่อมาอาการภรรยาทรุดหนัก สุดท้ายหมอแจ้งว่าติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้ไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตในวันที่ 7 ก.พ. ถึงเวลานี้ยังติดใจเรื่องการฝากท้องพิเศษ ว่าหมอเขามีขั้นตอนในการดูแลคนไข้อย่างไร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงและอาการของแม่ที่มาฝากครรภ์


ด้านนางจิตร์ วุฒิวงศ์ อายุ56ปี แม่ผู้เสียชีวิต บอกว่ารู้สึกเสียใจที่ลูกสาวต้องมาเสียชีวิตเหมือนกับคนในสมัยที่การแพทย์ไม่เจริญ ทั้งที่เลือกจ่ายสิ่งที่แพงกว่าเพื่ออย่างได้สุขภาพที่ดีกลับมา แต่สุดท้ายกลายเป็นการสูญเสียมากกว่าได้มา จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตรวจสอบกรณีดังกล่าว

คุณอาจสนใจ

Related News