สังคม

โจรแสบไม่เข็ด! หวนแชทหาแม่ลูกอ่อน หลอกสมัครสมาชิกคุย “ลีมินโฮ” ตัวจริง ตร.ยังตามจับไม่ได้

โดย nicharee_m

12 ก.ค. 2565

1.2K views

ภรรยาถูกโจรแสบ อ้างเป็น “ลีมินโฮ” หลอกศูนย์เงินกว่า 70,000 บาท จนเกือบฆ่าตัวตาย ยังไม่เข็ดกลับมาหลอกอีก

จากที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.65 ที่ผ่านมา กรณี นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ภรรยาคุณสีน้ำ (นามสมมุติ) เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง อยู่ที่เขตอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี พยายามฆ่าตัวตาย ด้วยการแอบหนีเดินลงไปในบ่อน้ำภายหลังร้านที่มีระดับความลึกประมาณ 10 เมตร หลังจากช่วยไว้ทัน นางสาวเอ (นามสมมุติ) ยอมรับกับสามีว่า ได้โอนเงินไปให้โอปป้า ที่รู้จักกันผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ ชื่อ ลีมินโฮ (ดาราเกาหลีใต้) เจ้าตัวโอนเงินไปจำนวน 2 ครั้ง เป็นเงินกว่า 7 หมื่นบาท หลังจากรู้ว่าถูกหลอก ทำให้เกิดความเครียดและเสียใจจึงตัดสินใจคิดสั้น

ต่อมาสามีคอยให้กำลังใจและได้แจ้งความไว้ ทางตำรวจยืนยันว่าอาจจะมีการค้นหาเจ้าของบัญชี และจะเรียกมาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่มาถึงตอนนี้คดีความยังไม่คืบหน้า แถมคนร้ายยังทักแชทกลับมาหลอกซ้ำ

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านต้มเลือดหมูชื่อดัง ใน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เพื่อพูดคุยกับนายสีน้ำ (สามีผู้เสียหาย) เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า หลังจากที่ภรรยาของตนถูกหลอกโอนเงินไปกว่าเจ็ดหมื่นบาท ได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว และยังมีข่าวออกกันแทบทุกช่องทาง แต่คนร้ายก็ยังไม่หยุด เหมือนไม่เกรงกลัวกฎหมาย

โดยครั้งล่าสุดวันที่ 9 ก.ค.65 ตนเองเห็นภรรยาคุยโทรศัพท์จึงหยิบโทรศัพท์มาดู พบว่าภรรยาได้แชทคุยกับ “ลีมินโฮ” (ตัวปลอม) อีกแล้ว แต่ครั้งนี้เปลี่ยนช่องทาง จากคุยกันผ่านไลน์ ครั้งนี้เป็นช่องทางเฟซบุ๊ก ซึ่งครั้งนี้ คนร้ายได้อ้างตัวเป็นลีมินโฮบอกว่าถ้าอยากพูดคุยกับลีมินโฮให้สมัครสมาชิก มี 4 ระดับ ระดับที่ 1 ปกติ 650 บาท ลำดับที่ 2 วีไอพี 1,500 บาท ลำดับที่ 3 วีวีไอพี 2,000 บาท ลำดับที่ 4 ทอง 3,000 บาท และยังโชว์การ์ดของคนที่สมัครเป็นสมาชิกมาหาภรรยาของตนดู (เป็นบัตรรูปลีมินโฮ)

และยังอ้างว่าตัวเองถูกรัฐบาลเกาหลีใต้ระงับบัญชีธนาคารและทรัพย์สินอื่นๆ และรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้เจ้าตัว (ลีมินโฮ) ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 500,000 ดอลลาร์ เป็นเงินสกุลไทย 17,500,000 บาท จึงขอเงินสนับสนุนจากภรรยาตนจำนวน 10,000 ดอลลาร์ เป็นเงินสกุลไทย 350,000 บาท ซึ่งครั้งนี้ยังโชคดีที่ภรรยาตนปฏิเสธไป โดยแฟนของตนตอบไปว่า หนูช่วยไม่ได้จริงๆ หนูขอโทษด้วย หนูไม่อยากมีปัญหากับครอบครัว ยังโชคดีที่ตนเองมาจับได้ทัน ว่าคนร้ายกลับมาคุยอีก จึงได้ทำการเปลี่ยนรหัสบัญชีธนาคารไว้หมดแล้ว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองรู้สึกน้อยใจภรรยา แต่ก็เข้าใจภรรยา พยายามพูดคุย ดูแลอย่างใกล้ชิด เหตุที่ภรรยาของตนยังกลับไปคุย อาจจะเป็นเพราะสับสน เนื่องจากภรรยาของตนเคยเป็นโรคลมชัก

ทั้งๆ ที่ได้แจ้งความไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่าจะติดตามคนร้ายให้ได้ แสดงว่าคนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงเปลี่ยนช่องทางมาหลอกซ้ำ ตนเองจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามคนร้ายได้โดยไว เนื่องจากคนร้ายยังกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก และยังเชื่อมีอีกหลายคนที่อาจจะถูกหลอกเหมือนภรรยาของตนเช่นกัน จึงอยากฝากไวเป็นอุทาหรณ์

ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยัง สถานีตำรวจภูธรพรหมบุรี พบ พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สภ.พรหมบุรี เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วยังอยู่ในขั้นตอนขอเอกสารทางธนาคาร หากได้ข้อมูลจากธนาคาร ซึ่งขั้นตอนการขอข้อมูลจากธนาคารต้องใช้ระยะเวลา หนึ่งถึงสองเดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ หากได้ข้อมูลมาแล้วจะทำการเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบปากคำต่อไป ส่วนกรณีที่คนร้ายกลับมาหลอกซ้ำ แต่เปลี่ยนช่องทาง ต้องขอให้ทางครอบครัวผู้เสียหาย เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามต้องฝากทางครอบครัวผู้เสียหายดูแลผู้เสียหายอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้กำกับเองก็พยายามรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้กับชาวบ้านเกี่ยวกับการใช้โซเชียลอยู่ตลอดเวลา

คุณอาจสนใจ