นักข่าวสื่อดัง แจ้งความหมิ่น PDPA โดนชาวเน็ตประจานเฟซบุ๊ก ฉุนทำข่าว ผอ.ลงโทษเด็ก

ผู้สื่อข่าวสื่อดัง แจ้งความผู้ใหญ่บ้านเกรียนคีบอร์ด หลังแพร่ข่าว ผอ.ลงโทษนักเรียนออกสื่อ ถูกนำเฟซบุ๊กส่วนตัวไปโพสต์ประจาน วิจารณ์การทำหน้าที่สื่อ ด้านทนายดังชี้เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ตัวใหม่ PDPA

จากกรณี เพจอยากดังจัดให้ รีเทิร์น part 3 ได้โพสต์กรณี ผอ.รร.หนึ่งย่านพานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ทำโทษเด็กนักเรียนเรื่องทรงผม อาทิ ไม่ติดโบว์, ไว้ผมหน้าม้า โดยการให้เด็กนั่งตากแดกกลางสนามเกือบชั่วโมง ทำให้ 1 ในเด็กที่ถูกทำโทษ ได้รับผลกระทบท่างร่างกาย และเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ

ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังโรงเรียนดังกล่าว ทาง ผอ.ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ขณะที่เด็กนักเรียนได้เปิดเผยว่า

หลังจากที่มีข่าวออกตามสื่อต่างๆนั้น วันนี้มีเฟซบุ๊กชื่อว่า Wisut Homsin ได้นำคลิปจากเพจข่าวดังมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับตำหนิสื่อช่องดังกล่าวว่า

“ฝากบอกคนทำข่าวด้วยควรจะชัดเจนกว่านี้ เด็กอายุเท่าไหร่เชื่อเด็ก ทำโทษโดยให้เด็กวิ่งรอบสนาม ผิด ถ้าเด็กไม่ผิดระเบียบจะทำโทษเผื่อ ถ้าทำอะไรไม่ได้ จะมาเรียนที่โรงเรียนขยายโอกาสเพื่ออะไร ทำไม่ไม่ไปสอบโรงเรียนชั้นนำล่ะ ทนไม่ได้กับสื่อที่ทำแบบนี้

ผมขอเซฟ ผอ.ครับ และอีกโพสต์ฝากบอกไอ้เพจดังๆ ด้วยมามามา หนองกะขะยินดีรับฟัง โรงเรียนนี้มันมีอะไรอีกเยอะแยะ หนนี้ขอเข้าข้าง ผอ.แล้วกันนะ สื่อและมีการคอมเม้นต์ตามอีกว่า แมร่งฟังเด็กสัมภาษณ์เด็ก ทีหลังก็ไม่จำเป็นต้องมี ผอ.หรอก ให้เด็กมาเป็น ผอ.น่ะ ไอ้ข่าวสด"

ต่อมา ทางผู้สื่อข่าวภูมิภาค เกรงว่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด จึงได้มีการชี้แจงกับเรื่องราวเพื่อให้ชัดเจนในการลงพื้นที่ว่า เมื่อมีงานสั่งก็ต้องไปทำ ไม่ทำก็ตกงาน ทำตามหน้าที่ งานสั่งก็ต้องลงพื้นที่

เมื่อ ผอ.ไม่ออกมาแจง ก็ต้องให้เด็กเล่า เพราะเด็กส่งเรื่องไปยังเพจดัง หรือ ผู้ใหญ่จะออกแจงแทน ผอ.ครับ ว่าสาเหตุเพราะอะไร

จากนั้นทางเจ้าของโพสต์ดังกล่าวก็ได้คอมเม้นต์อย่างรุนแรงกลับว่า ถามจริงๆน่ะ ถ้าเค้าสั่งให้คุณไปตายจะไปไหม น่าสมเพช ใช้หลักการณ์และเหตุผลมาคุยกันมา ”พร้อมกับได้แคปรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กหลัก ที่มีชื่อและนามสกุลเป็นภาษาอังกฤษและได้เอาไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อประกอบกับคลิปข่าว ซึ่งเป็นโพสต์สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทำให้ผู้คนได้เห็นและเข้าใจว่าบุคคลนั้นเป็นใครจึงเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ที่มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 65 นี้

ต่อมา นายสวัสดิ์ ผลชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคของข่าวสด ประจำจังหวัดชลบุรี ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พานทองหลังจากที่ถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง นำเอาข้อมูลจากเฟซบุ๊กส่วนตัว ไปโพสต์ประกอบกับภาพข่าวที่ออกตามสื่อเพื่อเป็นการชี้นำหรือนำตนไปแขวน ทำให้คนเข้าใจผิดถึงการทำงานของสื่อ และบ่งบอกว่าคนในภาพเป็นใคร

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลจากทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้โพสต์ข้อมูลลงบนเฟซบุ๊กว่า “การนำรูปภาพ และ Profile ของบุคคลอื่นมาแขวน ใน Facebook หรือ IG เพื่อประจาน หรือให้คนอื่นเข้าไปส่อง , ค้นหา หรือด่า ผิด พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้”

จึงได้แจ้งความกับผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งทำให้ได้รับความเสียหายและทำให้บุคคลเข้าถึงตัวตนส่วนบุคคลการทำหน้าที่สื่อดังกล่าว

จากการสอบถามนายสวัสดิ์ ได้เปิดเผยว่าตนเป็นผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดชลบุรี เมื่อมีคนร้องไปยังเพจชื่อดังและมีการลงพื้นที่เพื่อติดตามข่าวสารและหาข้อมูล ซึ่งทางผู้สื่อข่าวก็ได้ลงหาข้อมูลทั้ง2 ฝ่ายเกี่ยวกับเด็กถูก ผอ.โรงเรียนดังใน จ.ชลบุรีที่ถูกลงโทษ

ซึ่งในข่าวจะมีแค่เด็กที่ออกมาพูด เพราะทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง ผอ.โรงเรียนดังกล่าวแล้ว แต่ทาง ผอ.ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ จึงไม่ได้มีเสียงของทาง ผอ.มาออกในสื่อดังกล่าว จึงมีเพียงเด็กนักเรียนเท่านั้นที่ออกมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

หลังจากที่สื่อหลักๆได้เผยแพร่ออกไป ทำให้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ออกมาวิจารณ์ถึงการทำหน้าที่สื่อ ซึ่งตรงนั้นทางตนไม่มีการตอบโต้ใดๆ เพราะทุกคนมีสิทธิ์วิจารณ์ได้ แต่การเอาเฟซบุ๊กส่วนตัวไปประกอบกับภาพที่ออกในสื่อ โพสต์ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในการทำหน้าที่สื่อ และเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงในจริยธรรมในการนำเสนอของสื่อ จึงได้นำหลักฐานเข้ามาแจ้งความดังกล่าว