สังคม

ทลายเครือข่ายหลอก ถ่าย-ขาย คลิปลามกอนาจาร พบกลุ่มลับสมาชิกนับหมื่น

โดย panwilai_c

28 พ.ย. 2567

255 views

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ประสานความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคลหรือ PDPC และเครือข่ายปกป้องคุ้มครองเด็ก ติดตามแกะรอยองค์กรอาชญากรรม ที่ร่วมกันเป็นขบวนการ ผลิต เผยแพร่ และส่งต่อภาพ และคลิปวิดีโอลามกผ่าน Website และ Telegram เกิดความเสียหายต่อเหยื่อหลายราย



อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ประสานความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC และองค์กร ลิฟท์อินเตอร์เนชั่นแนล / องค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวน์ เรลโรด / มูลนิธิไซเอนเทียโปรแกรม / และมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยกระจายกำลังลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี / ราชบุรี และจังหวัดตรัง เพื่อจับผู้ต้องหาตามหมายจับและตรวจค้นขบวนการผลิต เผยแพร่ และส่งต่อภาพ คลิปวิดีโอลามกผ่าน Website และ Telegram ในคดีพิเศษที่ 37/2567



ก่อนหน้านี้ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สืบสวนติดตามกลุ่มผู้กระทำผิดโดยโฆษณาเชิญชวนผ่านเว็บไซต์ ให้สมัครเข้ากลุ่ม Telegram ซึ่งในกลุ่มนี้มีการเรียกเก็บเงินค่าสมาชิก หรือการใช้บริการเข้าชม ภาพ คลิป ของบุคคลอื่นที่กลุ่มนี้หามาโดยไม่ถูกกฎหมาย และละเมิดสิทธิส่วนบุคคด้วย ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยในกลุ่มนี้ ยังแยกเป็นอาชีพ/สถานศึกษา หรือสถานที่ทำงาน เป็นต้น ซึ่งสร้างความเสียหาย อับอาย ต่อบุคคลในภาพเหล่านั้น



ผลการตรวจค้น พบว่ามีการเรียกเก็บเงิน ค่าสมาชิกในราคาตั้งแต่ 300 – 1,000 บาทต่อเดือน สร้างรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน และพบว่ามีสมาชิกมากกว่า 20,000 ราย ไฟล์ภาพกว่า 20,000 ภาพต่อกลุ่ม คลิปวิดีโอรวมทุกกลุ่มแล้ว เกือบ 1 แสนคลิป



ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ แยกเป็นบุคคลตามหมายจับที่จังหวัดกาญจนบุรี 1 คน ทำหน้าที่เป็นแอดมินเวปไซต์ ที่เผยแพร่คลิปลามกอนาจาร จังหวัดราชบุรี จับผู้ต้องหาได้ 1 คน เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ให้โอนเงินเข้าเพื่อแลกกับการเข้ากลุ่มดังกล่าว



และที่จังหวัดตรัง จับผู้ต้องหาได้ 1คน ทำหน้าที่ จัดทำคลิปลามก โดยการหว่านล้อมหลอกหลวงเหยื่อให้โชว์ลากอนาจาร แล้วบันทึกคลิปเหล่านั้นไว้เพื่อเผยแพร่และจำหน่าย



ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เปิดเผยว่าคดีนี้กระทำเป็นขบวนการ มีคนเกี่ยวข้องกันร่วมกันทำผิดหลายคน แตกต่างจากหลายกรณีที่เป็นพฤติกรรมของบุคคลคนเดียว ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ต้องดำเนินคดีเด็ดขาด เพราะเป็นเครือข่ายที่สร้างความเสียหายและละเมิดสิทธิบุคคลอย่างยิ่ง



คดีนี้เป็นการปราบปรามสื่อลามกอนาจาร โดยไม่ได้รอให้ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ แต่เริ่มจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อรวบรวมข้อมูล แกะรอยผู้ต้องหาที่อยู่ต่างพื้นที่ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้สืบสวน แกะรอยจนพบและติดตามตัวผู้กระทำผิดดังกล่าวได้

คุณอาจสนใจ