สังคม

ผู้ต้องหาคดีชุดมลายู ประกาศพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หลังอัยการเลื่อนสั่งคดีไปปลาย ธ.ค.

โดย panisa_p

25 พ.ย. 2567

66 views

สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี แจ้งไปยังทนายความผู้ต้องหาคดีชุดมลายู ขอเลื่อนการส่งตัวผู้ต้องหาจากที่นัดไว้วันพรุ่งนี้ 26 พฤศจิกายน ไปยังวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งทนายความนักกิจกรรมทั้ง 9 คน ยินดีหากสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรม ตามที่ได้ยื่นหนังสือไปขอตรวจสอบการแปลภาษามลายู ขณะที่ผู้ต้องหา ยืนยันว่า พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่เคยคิดหนี และอยากเห็นรัฐบาลมีความจริงใจต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากคดีชุดมลายูเป็นคดีที่เป็นที่จับตาของประชาชน เพราะเกี่ยวข้องกับการยอมรับอัตลักษณ์ตัวตัวทางชาติพันธุ์และแนวทางสันติวิธีที่เป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการสร้างสันติภาพ



นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ในฐานะทนายความในคดีชุดมลายู เปิดเผยว่า สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี แจ้งว่า ขอเลื่อนนัดส่งตัวผู้ต้องหาจากที่นัดไว้วันที่ 26 พ.ย.67 ไปเป็นวันที่ 23 ธ.ค.67 เพราะต้องรอสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา หลังจากผู้ต้องหายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ขอพิจารณาคดีอย่างรอบคอบ



สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.สายุรี แจ้งข้อกล่าวหานักกิจกรรม 9 คนที่จัดงานวันฮารีรายอ ที่หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อปี 2565 ในข้อหาตามมาตรา 116 กฏหมายอาญา ฐานยุยง ปลุกปั่น อั้งยี่ ซ่องโจร ซึ่งพนักงานสอบได้ส่งสำนวนให้สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีไปเมื่อเดือนกรกฏาคม 2567 ซึ่งอัยการได้เลื่อนนัดผู้ต้องหาเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานีมาแล้ว 3 ครั้ง ล่าสุดคือในวันพรุ่งนี้ 26 พฤศจิกายน 2567



ทนายความเปิดเผยว่า การที่อัยการเลื่อนไปอีก 1 เดือน ก็จะเป็นผลดีกับผู้ต้องหาตามที่ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเรื่องการแปลภาษา ที่ฝ่ายโจกทย์แปลเป็นภาษาไทยแต่ไม่มีที่มา ทางผู้ต้องหาจึงอยากรู้ว่าแปลจากท่อนใด และจะไดขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบการแปล เพราะบางคำแปลไม่ตรงกัน เช่นคำว่าบังซา ที่ภาษามลายู แปลว่า ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ ไม่ใช่ประชาชาติหรือรัฐ และเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีการเมืองที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ให้กระทบกับกระบวนการสันติภาพ เพราะหากพิจารณาตามพยานหลักฐานก็เชื่อว่าไม่ควรสั่งฟ้อง



นายมูฮัมหมัด อลาดี เด็งนิ ประธานมูลนิธินูซันตรารา หนึ่งในผู้ต้องหา เปิดเผยว่าหากอัยการสูงสุดจะตรวจสอบเรื่องการแปลภาษาตามที่ร้องขอไปก็เป็นเรื่องนี้จะให้ความยุติธรรม และทุกข้อกล่าวหาได้ชี้แจงไปทั้งหมดแล้วทั้งกับพนักงานสอบสวนและสาธารณะผ่านคณะกรรมาธิการต่างๆและสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำแปลสัตยาบัณ เพลง และธงบีอาร์เอ็นที่ปรากฏในงานก็มีเพียงผืนเดียว ซึ่งทางผู้จัดงานไม่เกี่ยวข้องรวมถึงได้ห้ามปราม ตรวจสอบแล้ว จึงไม่ควรเป็นประเด็นนำมาฟ้องร้องได้



นายมูฮัมหมัด อลาดี เด็งนิ ยืนยันว่านักกิจกรรมทั้ง 9 คนไม่เคยคิดหนีเหมือนคดีตากใบ และพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธ์ตามขั้นตอนกฏหมาย จึงคาดหวังจะเห็นความยุติธรรมจากคดีนี้ เพราะเป็นที่จับตาของประชาชน เนื่องจากการจัดกิจกรรมแต่งกายชุดมลายูในวันฮารีรายอ เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมอัตลักษณ์ตัวตนชาติพันธุ์มลายูตามแนวทางสันติวิธี เพื่อสนับสนุนการสร้างสันติภาพ การดำเนินคดีกับกิจกรรมแบบนี้จึงอาจทำลายความไว้วางใจที่มีต่อรัฐ



วันนี้สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพได้จัดกิจกรรมเสวนา ศักดิ์ศรี สันติภาพ ปาตานี โดยเห็นว่า การเคารพศักดิ์ศีความเป็นมนุษย์ ผ่านการยอมรับในอัตลักษณ์ทั้งด้านภาษา การแต่งกายและวัฒนธรรม เป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างสันติภาพ



ขณะทีนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ย้ำว่า การพิจารณาคดีชุดมลายู กำลังเป็นที่จับตาทั้งจากประชาชนในพื้นที่และความจริงใจของรัฐบาลต่อการสร้างสันติภาพชายแดนใต้ เพราะการแต่งกายไม่ใช่อาชญากรรม จึงอยากให้การพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม



โดยวันพรุ่งนี้นักกิจกรรมทั้ง 9 คน จะยังไปพบอัยการจังหวัดปัตตานี ตามนัดหมายในเวลา 9 นาฬิกาเพื่อรับทราการเลื่อนนัดไปวันที่ 23 ธันวาคมนี้

คุณอาจสนใจ