สังคม
DSI เร่งสอบพยานจ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม 18 บอสดิไอคอน ด้านทนายชี้ เตรียมแผนยื่นประกัน-ทริปเที่ยวไร้แอบแฝง
โดย panwilai_c
2 พ.ย. 2567
11 views
คืบหน้าคดีดิไอคอน ล่าสุด รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้เรียกพยานคนสำคัญมาสอบปากคำ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหากับบอสดิไอคอนทั้ง 18 คนเพิ่มเติม ขณะที่ทนายวิฑูรย์ เตรียมเเผนจะยื่นประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 18 คน เเละจะเพิ่มวงเงินหลักทรัพย์เป็น 3 ล้านบาท ส่วนประเด็นทริปท่องเที่ยว ยืนยันว่าไม่มีอะไรแอบแฝง
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกถึงความคืบหน้าในคดีดิไอคอนกรุ๊ปกับทีมข่าวอาชญากรรมช่อง 3 ผ่านทางโทรศัพท์ โดยบอกว่า วันนี้ได้เรียกสอบพยานปากสำคัญในคดี ซึ่งเป็นพยานที่ยังไม่เคยให้การ และพยานปากนี้มีความสำคัญในการนำไปสู่การพิจารณาตั้งข้อกล่าวหา และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหา
ส่วนกรณีที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอลและกลุ่มผู้ต้องหาดิไอคอน เตรียมจะนำพยานกลุ่มแรก 20 คนไปให้ปากคำในวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน และเตรียมประสานพาพยานให้ปากคำมากถึง 2,000 คนนั้น พ.ต.ต.ยุทธนา บอกว่า การจะพาพยานมาให้ปากคำในวันจันทร์ ยังไม่ทราบ คงต้องประสานกับพนักงานสอบสวน
ส่วนพยาน 2000 กว่าคนนั้น คงต้องดูว่าเป็นพยานฝั่งผู้ต้องหาที่เคยมาให้การหรือยัง ถ้ามาให้การแล้วจะเปลี่ยนคำให้การ หรือให้การเพิ่มเติมคงต้องให้รายละเอียด แล้วคณะพนักงานสอบสวนจะเป็นคนพิจารณาวิเคราะห์ความผิด หรือเป็นลักษณะของการแก้ข้อกล่าวหาอะไรหรือไม่ หากเป็นประเด็นซ้ำๆเดิมๆแล้วต้องสอบจำนวนมากขนาดนั้น คงเป็นการทำให้คดีล่าช้าแล้วเกิดความเสียหาย ก็คงจะไม่ได้สอบทั้งหมด ทั้งนี้หากเป็นพยานที่ไม่เคยให้ปากคำก็คงต้องสอบและรับฟัง แต่จำนวนเท่าไรยังไงยังตอบไม่ได้ ส่วนจะเป็นดีเอสไอสอบเอง หรือให้ ให้ทางตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปคบ.มาร่วมสอบ ก็จะมีการประชุมกันก่อนว่าจะให้หน่วยไหนสอบบ้าง
ด้านนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอล เปิดเผยทางโทรศัพท์เช่นกันว่า วันนี้เตรียมการทำเอกสารต่างๆ ก่อนที่ในวันจันทร์ จะพาพยานกลุ่มแรก 20 คนไปให้ปากคำ และขณะนี้ได้เช็ครายชื่อพยานแล้วมีจำนวน 2400 คนที่ต้องการไปให้ปากคำกับดีเอสไอ โดยหลังจากเข้าไปให้ปากคำในวันจันทร์ ก็จะมีการพูดคุยหารือกับทางดีเอสไอว่ามีศักยภาพและความสามารถสอบปากคำพยานได้วันละกี่คน หลังจากนั้นจึงจะสามารถกำหนดแนวทางได้ ว่าจะมีการแบ่งพยานไปสอบปากคำอย่างไรบ้าง
นายวิฑูรย์ ยังพูดถึงถึงทริปท่องเที่ยวที่ทางบริษัทออกมาโพสต์ว่า ทริปเที่ยวไปยังประเทศอิตาลี เมืองเวนิส วันที่ 2-8 เดือนพฤศจิกายน และวันที่ 12-18 เดือนพฤศจิกายน ก็ยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม ซึ่งประเด็นนี้ นายวิฑูรย์ เปิดเผยว่าเป็นไปตามข้อตกลงสำหรับตัวแทนที่มีการขายบิล และขายสินค้าได้ตามข้อกำหนดของบริษัท เมื่อขายยอดได้ตามที่กำหนดไว้ก็จะต้องพาไปเที่ยวตามที่มีการทำสัญญากันไว้ ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มคนที่ไปเที่ยว คือ ตัวแทนจำหน่ายของบริษัท เเละคนในทริปนี้ยืนยันว่าจะไปเที่ยวตามกำหนดการเดิม เนื่องจากมีการจ่ายเงินสำหรับทริปนี้เป็นที่เรียบร้อย
เดิมทริปนี้จะมีบอสบางคนไปร่วมท่องเที่ยวด้วย แต่ขณะนี้ไม่สามารถไปได้เนื่องจากอยู่ภายในเรือนจำ พร้อมยืนยันว่าทริปนี้เป็นทริปท่องเที่ยวธรรมดามีตั๋วขาไปและตั๋วขากลับ ไม่มีอะไรแอบแฝงแน่นอน
ส่วนการดำเนินคดี ล่าสุดได้แจ้งความดำเนินคดีกับนักร้องเรียนหญิง ก. เรียบร้อยเเล้ว ส่วนนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้แจ้งร้องทุกข์ไว้แล้วเช่นกัน โดยจะเดินทางไปให้การภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เเต่จะเป็นทนายอีกชุดที่เป็นคนดูแลเรื่องนี้
จากการเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องหาทั้ง 18 คน พบว่าทุกคนปรับตัวได้หมด ไม่ได้มีความเครียดอะไร แต่ส่วนใหญ่เป็นห่วงครอบครัวและอยากเจอคนในครอบครัว ส่วนการประกันตัว คาดว่าอาจจะมีการวางแผนในการประกันตัวในช่วงผัดที่ 2-3 ทั้ง 18 บอส และได้เตรียมวงเงินประกันตัว 3 ล้านต่อคน เนื่องจากก่อนหน้านี้บอสดารา 3 คน ได้มีการยื่นประกันผัดแรกกับศาลฯ เป็นจำนวนเงิน 2 ล้าน แต่ไม่ได้รับการพิจารณาให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว รอบนี้จึงตัดสินใจเพิ่มหลักทรัพย์เป็นเงิน 3 ล้านบาท ส่วนจะใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดหรือทรัพย์สินขึ้นอยู่กับญาติของแต่ละคน
ด้านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานเเก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกถึงความคืบหน้ากรณีที่ นายวิฑูรย์ ทนายความของบอสพอล ได้เข้าร้องเรียนให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สืบสวนกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการจับกุมบอสพอล พบว่ามีการประสานงานผ่านโทรศัพท์มาจากสำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม ว่าประเด็นนี้ ทางกองปราบตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับเรี่องมาและจะเป็นผู้รับผิดชอบในการสืบสวนคดี
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะต้องรอพยานหลักฐานที่ นายวิฑูรย์ กล่าวอ้างในกรณีดังกล่าวมามอบให้ ขณะนี้มีแค่ข้อมูลเบื้องต้นจากคำให้การของนายวิฑูรย์เพียงเท่านั้น หลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบโทรศัพท์ของสำนักงานดังกล่าวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เเต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเลขาของสำนักงาน หรือผู้ใดเป็นคนโทรศัพท์ติดต่อบอสพอลไป ก่อนที่บอสพอลจะติดต่อกลับไปหาทนายตั้ม
ทั้งนี้จะต้องพิจารณารายละเอียดข้อมูลต่างๆก่อน แล้วจึงจะให้เจ้าหน้าที่ก็จะมีการเข้าไปสอบปากคำบอสพอลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่ามีข้อเท็จจริงหรือไม่ คาดว่าคงจะมีการเรียกสอบปากคำทนายตั้มและผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
ส่วนประเด็นที่ต้องตรวจสอบในขณะนี้จะทำการตรวจสอบข้อเท็จในทุกมิติ ทั้งประเด็นข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทางโทรศัพท์ คลิปเสียง และลูกความ โดยจะเป็นทางกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบและดำเนินการในคดีนี้ เมื่อได้ข้อมูลในการสืบสวนแล้วก็จะมาประชุมระดับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอีกครั้ง