สังคม

คกก.กลั่นกรอง DSI มีมติเอกฉันท์รับคดี 'ดิไอคอน' เป็นคดีพิเศษ เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่

โดย parichat_p

29 ต.ค. 2567

15 views

ความคืบหน้าคดี 'ดิไอคอน' หลังตำรวจ บก.ปคบ.นำเอกสารหลักฐานไปมอบให้ดีเอสไอ ที่สุดวันนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองของดีเอสไอ ก็มีมติเอกฉันท์ในคดี"บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป" เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมเสนออธิบดี พิจารณารับเป็นคดีพิเศษแล้ว ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า รูปแบบการตลาด การจ่ายผลตอบแทน และเส้นเงินของทั้ง 18 บอส เข้าข่าย แชร์ลูกโซ่ชัดเจน


เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ร้อยตำรวจเอกวิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองคดีของดีเอสไอ เพื่อพิจารณาคดี"บริษัท ดิไอคอน กรุ้ป" เป็นคดีพิเศษหรือไม่


หลังจากที่เมื่อวานนี้ ตำรวจบก.ปคบ. ได้นำสำนวนการสอบสวนมาส่งมอบ โดยทางดีเอสไอได้เชิญ พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม และ ตำรวจปคบ. มาร่วมประชุมด้วย


พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า เอกสารที่ได้รับจากทางตำรวจสอบสวนกลางมีทั้งหมด 92,289 แผ่น จากนี้จะต้องนำมาพิจารณาว่า เป็นคดีพิเศษที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 หรือไม่


สำหรับเอกสารที่ได้รับตอนนี้มีเพียงบางส่วน เพราะสำนวนคดีมีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะต้องรอทางตำรวจส่งมาเพิ่ม


หลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง / ร้อยตำรวจเอกวิษณุ เปิดเผยว่า จากการรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ของดีเอสไอพิจารณา ชัดเจนว่าเป็นความผิดที่เข้าข่าย พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งอยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ


คณะกรรมการกลั่นกรองจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ โดยจะรีบเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษต่อไป


สำหรับพยานหลักฐานที่นำมาสู่มติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการในวันนี้ ก็คือข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ตำรวจสอบสวนกลางนำมาให้ ทั้งแผนประทุษกรรม / แผนการตลาดจากคอมพิวเตอร์ / งบการเงิน / รวมถึงพยานหลักฐานอื่น ๆ ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นความผิด พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน


โดยสำนวนที่รับมาจากตำรวจที่จะเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณา จะแยกเป็นอีกคดี ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีฟอกเงินที่ดีเอสไอรับดำเนินการก่อนหน้านี้


ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาล็อตที่สอง ยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไร แต่จะทำให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยจะมีหนังสือเชิญอัยการสูงสุดมาเป็นที่ปรึกษาในคดี รวมถึงเชิญผู้เชี่ยวชาญทุกด้านที่เกี่ยวข้อง มาดูเรื่องข้อต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้คดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ส่วนที่ทนายบอสพอลบอกว่า จะส่งข้อมูลกลุ่มแม่ข่ายมาให้ก็เป็นเรื่องที่ดี จะต้องมาดูว่ามีลักษณะอย่างไร และมีพฤติการณ์สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้อย่างไรได้บ้าง


พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายมาแจ้งความเอาผิดผู้ต้องหาและเครือข่ายในหลายข้อหา แต่หลังจากผ่านไปเพียง 5 วัน พบกลุ่มผู้ต้องหาเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเตรียมตัวหนีออกนอกประเทศ ตำรวจจึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับในความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ และฉ้อโกงประชาชน


หลังจากจับผู้ต้องหาได้ครบทั้ง 18 คน ตำรวจได้สอบปากคำผู้ต้องหาทุกคน ปรากฏหลักฐานข้อมูลเส้นทางการเงิน งบการเงิน รูปแบบการตลาด การเสียภาษี พบว่ามีรูปแบบพฤติการณ์เสนอผลตอบแทน-สร้างภาพลักษณ์ภูมิฐาน ชักจูงให้มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นพฤติการณ์ของพรก.แชร์ลูกโซ่


ส่วนความเคลื่อนไหวของฝั่งผู้ต้องหา วันนี้ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอลให้สัมภาษณ์ หลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยบอกว่า กรณีเตรียมเอกสาร เพื่อจะยื่นให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับ 5 แม่ข่าย ที่อ้างเป็นผู้เสียหาย แต่กลับได้ประโยชน์จากบริษัท


ล่าสุด บอสพอล สั่งให้ดำเนินการเพิ่มอีก 2 คน คือ นางสาว ป. ที่เคยพูดโจมตีบริษัทฯในรายการทีวี / อีกคนเป็นอัยการท่านหนึ่ง / นายวิฑูรย์ บอกว่า พฤติกรรมทั้ง 7 คน เป็นคนขายสินค้า มีตัวแทน และทั้งหมดได้รับประโยชน์และผลตอบแทนจากทางบริษัท ส่วนอีกคนที่บอสพอลอยากให้ดำเนินคดี เป็นพิธีกรชื่อ"เคนโด้" ที่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ก่อน"บอสกันต์" ตอนนี้ทีมทนายฯกำลังดูสัญญาว่า ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเหมือน"บอสกันต์"หรือไม่


ส่วนกรณีเทวดาใน สคบ.เรียกรบผลประโยชน์จากดิไอคอน / นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีฯกระทรวงดีอี บอกว่า เรื่องนี้ต้องขยายผล เพราะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด ได้เรียกพยานมาสอบเพิ่มอีก 17 ปาก เป็นคนนอก 6 ปาก คนใน 11 ปาก ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ

คุณอาจสนใจ