สังคม

คุม ผตห. 'ดิไอคอน' เข้าเรือนจำครบแล้ว 18 คน ราชทัณฑ์เผยอาการแต่ละคน เครียดหนัก-นอนไม่หลับ

โดย panwilai_c

18 ต.ค. 2567

17 views

ความเคลื่อนไหวคดี ดิไอคอนกรุ๊ป วันนี้ ตำรวจคุมผู้ต้องหาคนที่ 18 ก็คือ นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฯฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว



ส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุด รองผู้บัญขาการตำรวจสอบสวนกลาง เเจ้งว่า ทางตำรวจเตรียมปิดรับแจ้งความคดีดิไอคอนในล็อตแรก เพื่อรวบรวมผู้เสียหายเเละสรุปสำนวนฟ้องผู้ต้องหาภายใน 48 วัน



ผู้ต้องหาดิไอคอนทั้ง 18 คน โดยเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 9.15 น. พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. คุมตัวนาย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฯฝากขังผัดแรก ขณะเดินออกจากอาคาร เขาไม่ได้ตอบคำถามหรือพูดอะไรกับสื่อมวลชน จากนั้นก็เดินขึ้นรถทันที



มีรายงานว่าเมื่อคืนนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการสอบสวน เจ้าหน้าที่นำตัวบอสพอล มาควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังของตึกศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยตลอดทั้งคืน บอสพอลยังมีอาการเครียด บางช่วงพบว่าลุกขึ้นมานั่งสมาธิในห้องขัง



นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (17ต.ค.67) พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำบอสพอลตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึงช่วง 2 ทุ่มเศษ โดยบอสพอลต้องให้ปากคำในนามของบริษัทด้วย จึงใช้เวลานาน และก็เป็นความสมัครใจของผู้ต้องหาที่จะให้การในรายละเอียดทั้งหมดในชั้นสอบสวน โดยได้ให้การเพิ่มเติมจากวันที่ 12 ตุลาคม อธิบายเกี่ยวกับธุรกิจในส่วนที่ยังไม่เคลียร์



สำหรับการฝากขังในวันนี้ ทนายความจะยังไม่ยื่นประกันตัว เพราะว่าคดีประเภทนี้ ในช่วงแรกโอกาสที่จะได้รับการประกันตัวนั้นมีน้อย ทนายแต่ละคนได้มีการพูดคุยกับลูกความว่าให้อยู่ในเรือนจำไปก่อน เดี๋ยวรอสักพักค่อยยื่นประกัน ซึ่งทุกคนก็ตกลงตามนั้น



หลังฝากขังได้เพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวบอสพอล ขึ้นรถตู้ของกรมราชทัณฑ์มาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีรถตู้ของเจ้าหน้าที่นำมา 1 คัน ซึ่งตามรายงานระบุว่า จากนี้ผู้ต้องหาจะถูกส่งเข้าไปในแดนกักโรคเป็นเวลา 5 วัน เหมือนผู้ต้องขังคนอื่น ๆ



ขณะที่บอสกันต์ และบอสแซม ที่ถูกคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ พร้อมกับบอสผู้ชายคนอื่น ๆ รวม 10 คน มีรายงานจากคนใกล้ชิดว่า เมื่อคืนนอนไม่หลับ และถามเจ้าหน้าที่ว่าจะขอพบญาติได้เมื่อไหร่



นายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้ข้อมูลว่า บอสชายทั้ง 10 คนของดิไอคอน หลังจากเข้าสู่เรือนจำตามขั้นตอนตามปกติเหมือนนักโทษทั่วไป ขั้นตอนจากนั้นก็คือการตรวจร่างกาย ซักประวัติ ดูประวัติรักษาโรคต่าง ๆ ก่อนจะควบคุมเข้าพื้นที่แดนกักโรคเป็นเวลา 5 วัน กลุ่มบอสนอนรวมกันทั้งหมด ภายในห้องก็จะมีกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าสังเกตอาการอยู่ตลอดเวลา



เบื้องต้น จากการตรวจร่างกาย พบนายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือ บอสวิน เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วนนาย จิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ โค้ชแล็ป เป็นโรคไต ทั้งคู่มีเอกสารรักษาตัวและใบยาชัดเจน



ส่วนภาพรวมบอสคนอื่นๆ โดยเฉพาะบอสดาราอย่าง บอสแซม และ บอสกันต์ ทราบว่าเครียดมาก นอนไม่ค่อยหลับ เพราะนอนรวมกันทั้งหมด และยังเอ่ยปากพูดร้องขออยากเจอญาติ แต่ยังไม่สามารถเจอได้ เพราะต้องเป็นไปตามระเบียบ โดยช่วงกักโรคจะไม่อนุญาตให้พบใครได้นอกจากทนาย



ส่วนความเคลื่อนไหวทางฝั่งทัณฑสถานหญิงกลาง การเข้าเยี่ยมช่วงกักโรค จะมีแค่ทนายความและพนักงานสอบสวนเท่านั้น ญาติจะเยี่ยมได้ในวันที่ 22 ตุลาคมเป็นต้นไป หลังจากย้ายเข้าสู่แดนแรกรับ





ส่วนความคืบหน้าทางคดี พลตำรวจตรีโสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงความคืบหน้า โดยบอกว่า ปัจจุบันมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความรวม 9 วัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,170 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 841 ล้านบาท และยังคงมีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความต่อเนื่อง



โดยพนักงานสอบสวนเตรียมจะปิดรับแจ้งความล็อตแรกภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ทันต่อการรวบรวมสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการภายใน 48 วัน (4 ผัดฝากขัง) แต่ผู้เสียหายก็ยังสามารถเข้าแจ้งความได้ โดยพนักงานสอบสวนก็จะขึ้นเป็นเลขคดีใหม่



ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ผู้ต้องหาเอานอมินีของตนเองมาแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย เพื่อให้การสอบสวนของตำรวจเกิดความล่าช้านั้น ทางพนักงานสอบสวนก็วางแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาไว้แล้ว ยืนยันว่า สำนวนทั้งหมดจะทันต่อการสั่งฟ้องแน่นอน



สำหรับความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องล็อตที่ 2 นั้น ยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นดาราหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่พระสงฆ์ หากตรวจสอบพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิด ตำรวจก็จะดำเนินคดีทั้งหมดไม่ละเว้น ซึ่งกรณีที่มีคนมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับพระรูปหนึ่งนั้น ตำรวจก็จะรับเรื่องตรวจสอบ



ส่วนคดีนี้จะถูกโอนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอหรือไม่ ตำรวจสามารถทำได้เลย แต่สำนักนายกรัฐมนตรีสั่งให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยเหลือในส่วนของการการสืบสวนเส้นทางการเงินและยึดอายัดทรัพย์ และตำรวจยังได้ประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ช่วยส่งผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาเป็นที่ปรึกษาในคดีร่วมตรวจสอบการกระทำความผิดของผู้ต้องหา รวมถึงอยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าตรวจสอบบริษัทดิไอคอน เพื่อขอทราบถึงผลการตรวจสอบในทุกมิติ

คุณอาจสนใจ

Related News