ตรวจสภาพรถบัส 'ชินบุตรทัวร์' 5 คัน เตรียมใช้ประกอบสำนวนคดีรถบัสเกิดเพลิงไหม้

ข่าว 3 มิติยังเกาะติดความคืบหน้ากรณีเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา ที่ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา โดยวันนี้มีตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พนักงานสอบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรม ไปตรวจสอบรถบัสอีก 5 คัน ของบริษัทชินบุตรทัวร์ โดยมี เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ไปสังเกตการณ์ ซึ่งการตรวจสอบรถบัสทั้ง 5 คันดังกล่าว เป็นเพราะก่อนหน้านี้ กรมการขนส่งทางบก ระบุว่ามีการติดตั้งถังก๊าซ NGV เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตด้วย และคุณมนตรี ก็ไปพบว่า 1 ใน 5 คันที่เหลือนี้ ยังมีถังก๊าซติดตั้งอยู่ถึง 12 ถัง ทั้งที่ได้รับอนุญาตเพียง 6 ถังเท่านั้น



รถบัสทั้ง 5 คันของบริษัทชินบุตรทัวร์ จอดอยู่ที่อู่แห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี โดยเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี อนุญาตให้เจ้าของรถเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินเอง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เจ้าหน้าที่ขนส่งได้ตรวจสภาพรถทั้ง 5 คันไปแล้ว



โดย 5 คันนี้ ทุกคนมีถูกฉีดสเปรย์ตีตราประทับว่าห้ามใช้ แต่มีเหตุผลที่ต่างกัน คือ รถอีก 1 คัน ที่นางสาวปาณิสา ชินบุตร เป็นเจ้าของนั้น ถูกห้ามใช้เพราะถูกเพิกถอนใบประกอบกิจการ เนื่องจากนางสาวปาณิสรา เป็นของรถบัสคันที่เกิดเพลิงไหม้ด้วย เมื่อถูกเพิกถอนใบประกอบกิจการ ทำให้รถทั้ง 2 คัน รับงานไม่ได้ นอกจากนี้ 1 คันที่เหลือของนางสาวปาณิสรา ก็ไม่ผ่านการตรวจสภาพ เพราะเพิ่มถังก๊าซขึ้นมา



ส่วนอีก 4 คัน ที่เจ้าของรถเป็นคนในครอบครัวเดียว และรถไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ถูกห้ามใช้เพราะตรวจสภาพรถแล้วไม่ผ่าน แต่ใบอนุญาตประกอบการไม่ได้ถูกเพิกถอน



ผู้อำนวยการ กองอำนวยการต่อต้านการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ท. ระบุว่าพนักงานสอบสวนปทุมธานี พิสูจน์หลักฐานปทุมธานี รวมถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานพลังานสิงห์บุรีและอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรี ต่างมาตรวจสอบรถทั้ง 5 คันซ้ำอีกอย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีกรณีรถบัสคันที่เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งมีข้อมูลบางส่วนที่เชื่อมโยงกัน ขณะที่ ป.ป.ท.มาสังเกตุการณ์พร้อมดูว่า ในแต่ละขั้นตอนก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกระทำทุจริตหรือไม่



ถึงแม้ข้อมูลการตรวจสอบอย่างละเอียดวันนี้ จะไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในรถทั้ง 5 คันนั้น เจ้าหน้าที่พบความผิดหรือบกพร่องในหลายกระบวนการซึ่งจะเร่งขยายผล รวมถึง สำนักงาน ป.ป.ท. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการตาม มาตรา 58/2 ของ พระราชบัญญัญติมาตรการของฝ่ายบริหาร ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2551 ไว้เพื่อขยายผลแล้ว